ไม่พบผลการค้นหา
องค์การเภสัชกรรมเผยนำสัญญาสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์เข้า ครม. 6 ก.ค. พร้อมแจงเหตุยังไม่เซ็นสัญญาโมเดอร์นา เพราะรอ รพ.เอกชนรวบรวมส่งเงินมัดจำและข้อมูลผู้จอง เตรียมทำสัญญาอาทิตย์หน้า เอกชนต้องการ 9 ล้าน สั่งได้เพียง 4-5 ล้าน คาดโมเดอร์นาเตรียมส่งมอบให้ไทยไตรมาส 4 ปีนี้ หรือไตรมาส 1 ปีหน้า

2 ก.ค.2564 นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม ชี้แจงถึงการสั่งซื้อวัคซีนทางเลือกว่า องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ทำงานเชิงรุกมาตลอด โดยมีการติดต่อเจรจาการสั่งซื้อวัคซีนทางเลือกโดยเฉพาะโมเดอร์นา ซึ่งได้ประสานโดยตรงกับสหรัฐอเมริกาไปตั้งแต่ 25 ก.พ.2564 ล่าสุด โมเดอร์นา สหรัฐ ตอบกลับมาว่า เนื่องจากมีความต้องการวัคซีนเป็นจำนวนมากจึงทำให้วัคซีนไม่เพียงพอต่อความต้องการของแต่ละประเทศ แต่ในส่วนของประเทศไทยได้ดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนแล้ว รวมถึงประสานกับหน่วยงานงบประมาณแต่เนื่องจากในสัญญาการสั่งซื้อวัคซีนจำนวนมากถึง 20 ล้านโดส จำเป็นจะต้องมีความรอบคอบในเงื่อนไขของสัญญา

ทั้งนี้ บริษัทผู้ผลิตระบุเงื่อนไขในสัญญากับผู้ซื้อทั่วโลกว่า จะต้องมีการวางเงินจองวัคซีนโดยจ่ายเงินล่วงหน้ารวมถึงหากไม่มีการส่งตามกำหนดเวลาสัญญาก็จะต้องไม่มีค่าปรับ เป็นต้น ทำให้ อภ.ต้องศึกษาเงื่อนไขต่างๆ อย่างรอบคอบ เนื่องจากรัฐบาลและศบค.ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

ส่วนเหตุผลที่ล่าช้า เนื่องจากงบประมาณของภาครัฐไม่ได้ถูกจัดสรรมาให้ อภ.จึงจำเป็นต้องใช้งบประมาณจากโรงพยาบาลเอกชนที่รวบรวมเงินมัดจำการจองวัคซีนพร้อมข้อมูลผู้จอง ส่งมาให้ อภ.ก่อน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2564 บริษัทโมเดอร์นาแจ้งว่า อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทซีลลิคเป็นผู้จำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว และหวังว่าจะสรุปสัญญากับบริษัทซิลลิคให้เร็วที่สุด แต่ต่อมา 15 พ.ค.2564 โมเดอร์นาแจ้งว่า การจัดซื้อวัคซีนต้องจัดซื้อผ่านตัวแทนภาครัฐเท่านั้น ซึ่งก็คือ อภ. เนื่องจากเป็นข้อกำหนดของบริษัทผู้ผลิตวัคซีนเพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดย อภ.จะสั่งซื้อและนำมามอบให้ โรงพยาบาลเอกชนอีกต่อหนึ่ง ดังนั้นภาครัฐจึงไม่มีการจัดสรรงบประมาณ จึงต้องทำงานร่วมกันกับโรงพยาบาลเอกชนกว่า 300 แห่งทั่วประเทศที่ขณะนี้มีความต้องการวัคซีนมากถึง 9 ล้านโดส

ในขณะที่การสั่งซื้อในปีนี้ทำได้เพียง 4 ล้านโดสและในปีหน้าอีก 1 ล้านโดสรวมเป็น 5 ล้านโดส โดยบริษัทผู้ผลิตวัคซีนโมเดอร์นา ยืนยันการส่งมอบสามารถส่งให้ไทยได้ ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้หรือไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า จึงขอให้ประชาชนเข้าใจถึงกระบวนการ นี่คือเหตุผลว่าทำไมองค์การเภสัชถึงยังไม่ได้มีการเซ็นสัญญา เพราะระหว่างนี้ต้องรอให้โรงพยาบาลเอกชนรวบรวมข้อมูลการจองและเงินจากการจองวัคซีนมาก่อนที่จะเซ็นสัญญา หากจะให้องค์การเภสัชไปเซ็นสัญญาก่อนไม่สามารถทำได้เพราะรับผิดชอบไม่ไหว เนื่องจากราคาที่แพงและมีจำนวนมาก เมื่อได้รับเงินจากโรงพยาบาลเอกชนแล้วองค์การเภสัชกรรมจะได้ดำเนินการเซ็นสัญญากับบริษัทซีลลิคในต้นเดือนหน้า

ส่วนความคืบหน้าล่าสุดของการจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์นั้น ในวันจันทร์ที่ 5 ก.ค.นี้ ทางสำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการตรวจสอบตรวจสอบเงื่อนไขสัญญาการสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ ได้ตรวจสอบเงื่อนไขของสัญญาเรียบร้อยแล้วและนำส่งมายังรัฐบาลเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยจะต้องนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 6 ก.ค.นี้ ก่อนที่จะลงนามสั่งซื้ออย่างเป็นทางการได้ และองค์การเภสัชกรรมจะเร่งดำเนินการเจรจาเพื่อให้การส่งมอบเร็วขึ้น เนื่องจากพบว่ามีความต้องการของประชาชนที่สูงมากเช่นกัน