พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่าประเด็นสำคัญในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้อนุมัติหลักการแผนงานโครงการฟื้นฟูหลังโควิด-19 ระยะที่ 1 จำนวน 1 แสนล้านบาท เน้นหนักเรื่องการเกษตร สร้างความเข้มแข็งให้ประชาชน และให้ความสำคัญกับการดูแลแหล่งน้ำ
ส่วนธุรกิจเอสเอ็มอี การเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้เกิดความเหมาะให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในช่วงนี้ สถานการณ์ช่วงนี้อยู่ในช่วงที่ลำบาก รัฐบาลลำบากในการบริหาร ส่วนประชาชนลำบากในการใช้ชีวิต ยืนยันรัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ แต่ต้องขอเวลาในการทำงานให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่ จากนั้นต้องเตรียมการฟื้นฟูระยะ 2 ต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดคือการจ้างงาน เพราะเกิดการว่างงาน ธุรกิจบางประเภทไม่สามารถดำเนินการได้
เช่น การส่งออก เพราะความต้องการของต่างประเทศลดลง ซึ่งเป็นห่วงโซ่การตลาดและสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ได้เร่งรัดเรื่องส่งออกผลไม้ ทั้งทางบก ทางเรือ และพัฒนาด่านชายแดนในการขนส่งกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีขึ้นแต่รัฐบาลต้องปรับกลไกให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะไม่ได้มีแต่ประเทศไทยได้รับผลกระทบแต่ได้รับผลกระทบทั่วโลก
ดังนั้นไทยต้องเร่งรัดการใช้จ่ายในประเทศให้มากขึ้น ซึ่งจากวันหยุดที่ผ่านมามีการเดินทางไปท่องเที่ยวมาก แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งสถานการณ์จะดีขึ้นตามลำดับจากการผ่อนคลาย พร้อมกันนี้ฝากประชาชนที่มีสตางค์ให้ช่วยกันใช้จ่าย รวมถึงให้ทุกหน่วยงานทำแผนงานการจ้างงาน หากงบไม่เพียงพอรัฐบาลจะเติมเงินให้ โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เช่น โครงการบวร บ้าน วัด โรงเรียน พร้อมขอให้ธุรกิจเอสเอ็มอี ระมัดระวังปัญหาหนี้ NPL ในอนาคต ซึ่งรัฐบาลจะหามาตรการที่เหมาะสมในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า วันหยุดที่ผ่านมายังทำงานดูเอกสารต่างๆ เพราะต้องทำงานเดินหน้าทั้งภาครัฐ เอกชน และเตรียมแผนงาน เตรียมงบประมาณหากเกิดการแพร่ระบาดอีก ซึ่งไม่อยากให้ทุกคนห่วงกังวลรัฐบาลจะใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง เพราะจำเป็นต้องกวดขัน ฝากทุกคนช่วยกันมีส่วนร่วม หลายอย่างเดินหน้าไม่ได้ เพราะขาดความเข้าใจและบิดเบือน ฝากสื่อฝากสังคมว่าเจตนาของตน และรัฐบาลต้องการทำให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า ด้วยความรัก ความสามัคคี ทำให้ประชาชนมีความสุข เราต้องให้ทั้งปลา ทั้งเป็ด เพราะหากให้แต่ปลางบประมาณ ก็จะไม่เพียงพอ