สำนักข่าว CNN รายงานว่า ในขณะที่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคยุโรปต่างประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพื่อยับยั้งการระบาดของโควิด-19 ประเทศสวีเดนเดินหน้ามาตรการแบบตรงกันข้าม ซึ่งสร้างการวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง หนึ่งในนั้นคือนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ออกมาวิจารณ์การกระทำของของรัฐบาลสวีเดนว่าได้ใช้มาตรการรับมือแบบ 'Herd Immunity' แล้ว และพวกเขากำลังทนทรมานอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ท่าทางของรัฐบาลสวีเดนนั้นกลับแสดงออกมาในทางตรงกันข้ามและมีความมั่นใจอย่างมากว่าวิธีนี้จะได้ผล โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดนให้สัมภาษณ์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ในวันที่ 8 มี.ค.ว่าทรัมป์กล่าวอย่างเข้าใจผิดคิดว่าสวีเดนนั้นยึดหลัก 'Herd Immunity' หรือหลักการที่ทำให้ประชาชนติดเชื้อกันเป็นวงกว้างเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาในสังคม เพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่สวีเดนกำลังทำก็คือการยึดมาตรการ 'ไม่ล็อกดาวน์' และพึ่งการ 'รับผิดชอบตัวเอง' ของประชาชน
ด้านแอนเดอร์ส แท็กเนล นักระบาดวิทยาของสวีเดนกล่าวกับ CNN ว่า สวีเดนรับมือการระบาดได้ดี รัฐบาลก็ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่มีคุณภาพตามที่เป็นมาโดยตลอด ขณะที่สาธารณสุขของสวีเดนนั้นก็รับมือกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 กันอย่างดีเยี่ยม โดยที่ผ่านมาสวีเดนยึดหลักการ 'กระตุ้น' และ 'แนะนำ' ประชาชนแทนการบังคับให้ประชาชนปฏิบัติตาม พร้อมกับให้ความเป็นอิสระกับประชาชนอย่างเต็มที่ โดยในวันที่ 14 มี.ค. เมื่อประเทศสเปนประกาศล็อกดาวน์ สิ่งที่สวีเดนทำคือการประกาศให้ประชาชนหมั่นล้างมือให้สะอาดและให้ผู้ป่วยพักผ่อนอยู่ที่บ้าน
หลังจากนั้น 10 วันถัดมา รัฐบาลสวีเดนก็ประกาศให้ชาวสวีเดนเลี่ยงการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ในร้านอาหารต่างๆ อย่างไรก็ตาม ร้านอาหารก็ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ รวมถึงโรงเรียน สนามเด็กเล่น ก็ยังคงเปิดเช่นกัน และการรวมกลุ่มกันมากกว่า 50 คนก็ยังคงเป็นสิ่งที่ทำได้ตามปกติ แม้การรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อล่าสุดจาก Johns Hopkins University จะอยู่ที่อย่างน้อย 9,141 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 793 รายก็ตาม