การคลายมาตรการเว้นระยะห่างลงเล็กน้อยหมายความว่าสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างเช่นโบสถ์ก็จะมีกฎข้อห้ามน้อยลง ส่วนการแข่งขันกีฬาเช่นเบสบอล 'เคโอบีลีก' ก็จะสามารถกลับมาจัดการแข่งขันได้โดยไม่มีผู้เข้าชม
นายกรัฐมนตรี 'ชุงเชกยุน' ของเกาหลีใต้ระบุว่า แม้เป็นการปลอดภัยที่สุดที่จะคงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมไว้อย่างเข้มข้น แต่ในความเป็นจริงก็ทำไม่ได้ง่ายจึงจำเป็นต้องหาจุดกึ่งกลาง หากเกาหลีใต้สามารถรักษาการบริหารจัดการสถานการณ์ให้คงที่ในระดับปัจจุบัน ก็จะย้ายไปสู่ 'การเว้นระยะห่างทางสังคมแบบเป็นกิจวัตร' ได้ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค. ขณะที่หน่วยงานด้านสาธารณสุขระบุว่า การคลายมาตรการนี้จะช่วยเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศอีกครั้งไปพร้อมกับรักษาแนวปฏิบัติในการขจัดและป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสในชีวิตประจำวันของประชาชน
เกาหลีใต้ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา แนะนำอย่างเคร่งครัดให้สถานที่ทางศาสนา สถานที่จัดกีฬาในร่มและสถานบันเทิงระงับการดำเนินการ ขณะที่ท่าทีล่าสุดเป็นการผ่อนปรนให้สถานที่เหล่านี้สามารถกลับมาเริ่มดำเนินการได้อีกครั้งตราบเท่าที่ยังปฏิบัติตามแนวทางป้องกันเชื้อ ซึ่งรัฐมนตรีสาธารณสุขเกาหลีใต้ระบุว่า รัฐบาลจะประเมินระดับความเสี่ยงทุก 2 สัปดาห์ และจะปรับเปลี่ยนระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเมื่อจำเป็น
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เกาหลีใต้พบผู้ติดโควิด-19 รายใหม่ 8 ราย ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. เป็นต้นมาที่เกาหลีใต้มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ประจำวันเป็นจำนวนเลขตัวเดียว ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมตอนนี้อยู่ที่ 10,661 ราย และเสียชีวิต 234 ราย
ก่อนหน้านี้เกาหลีใต้ถือเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดนอกจีน แต่ก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เป็นส่วนใหญ่ ประธานาธิบดี 'มุนแจอิน' กล่าวว่าความก้าวหน้าในการควบคุมการระบาดของเกาหลีใต้เป็นการให้ความหวังว่า โควิด-19 ในพื้นที่อื่นๆ ของโลกก็สามารถผ่านพ้นไปได้เช่นกัน โดยรัฐบาลเกาหลีใต้จะเตรียมการสำรับการใช้ชีวิตประจำวันรูปแบบใหม่และระเบียบโลกใหม่หลังโควิด-19 ด้วยพลังที่เป็นหนึ่งเดียวกันของประชาชน
ขณะที่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี 'โดนัลด์ ทรัมป์' ของสหรัฐฯ ได้ต่อสายตรงพูดคุยกับประธานาธิบดีมุนแจอิน ขอบคุณเกาหลีใต้ที่ช่วยเหลือจัดหาชุดตรวจโควิด-19 ให้กับสหรัฐฯ