ไม่พบผลการค้นหา
สัญชาติอาจดูเป็นเรื่องที่ได้มาโดยง่ายตั้งแต่เกิด หรือได้มายากเย็น ต้องแลกกับการใช้ชีวิตทำงานต่างประเทศหลายปี แต่สำหรับหลายประเทศ สัญชาติเป็นสิ่งที่สามารถซื้อขายได้ และการขายสัญชาติก็กำลังเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูอีกด้วย

ปัจจุบัน “สัญชาติ” ของหลายประเทศมีนิยามที่ลื่นไหลกว่าที่ผ่านมามาก หากย้อนกลับไปเมื่อ 50 ปี ก่อน ประเทศที่จะยอมให้คนถือ 2 สัญชาติมีน้อยมาก แต่ปัจจุบัน การถือ 2 สัญชาติเป็นเรื่องปกติไปแล้ว 

คริสเตียน คาลิน ทนายความชาวสวิสและประธานบริษัทกฎหมายเฮนลีย์แอนด์พาร์ทเนอร์ส หนึ่งในบริษัทติดต่อซื้อขายสัญชาติรายใหญ่ที่สุดในโลกกล่าวว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศทั้งหมดมีโครงการ “พลเมืองผ่านการลงทุน” โดยอุตสาหกรรมนี้ก็มีมูลค่าถึง 25,000 ล้านดอลลาร์ (760,000 ล้านบาท) ต่อปี หน้าที่ของบริษํทของเขาก็คือการช่วยให้บุคคลหรือครอบครัวต่างๆ ได้รับวีซ่าพำนักถาวรหรือได้สัญชาติในต่างประเทศ

คาลินกล่าวว่า “สัญชาติ” แบบที่หลายคนรู้จักเป็นแนวคิดที่ล้าสมัยไปแล้ว สัญชาติเป็ฯเพียงหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู๋บนโลกที่ยังเกี่ยวข้องกับการสืบเชื้อสายหรือสถานที่เกิด ซึ่งไม่ยุติธรรมมาก เพราะสถานที่เกิดของเราไม่สามารถบ่งบอกถึงทักษะหรือพรสวรรค์ของเราได้ เป็นเพียง “โชคล้วนๆ” ควรคิดถึงเรื่องสัญชาติให้เหมือนการรับสมาชิกเข้าชมรม การรับคนที่มีพรสวรรค์ที่จะเข้าไปช่วยได้ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

วานูอาตู ประเทศที่เป็นเกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกได้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการให้สัญชาติวานูอาตูใหม่เมื่อ 4 ปีก่อน เพราะประเทศไม่ค่อยมีทรัพยกรธรมชาติมากนัก จึงหวังว่าการชายสัญชาติจะทำรายได้ให้กับประเทศได้มากขึ้น ซึ่งก็มีคนสนใจขอสัญชาติจำนวนมาก โดยเหตุผลหลักที่ทำให้คนสนใจพาสปอร์ตวานูอาตู ก็เพราะสามารถเข้าออกยุโรปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า จนทำให้การขายพาสปอร์ตวานูอาตูได้กลายมาเป็นรายได้หลักของรัฐบาลวานูอาตู 

กระบวนการขอสัญชาติวานูอาตูค่อนข้างเร็ว สามารถได้สัญชาติในเวลาเพียง 30 วัน จึงเป็นอีกเหตุผลที่คนยื่นขอสัญชาติวานูอาตู และชาวต่างชาติที่ได้พาสปอร์ตวานูอาตูส่วนใหญ่แทบไม่เคยเหยียบแผ่นดินวานูอาตูเลย เพียงแค่ยื่นเอกสารขอสัญชาติจากสำนักงานตัวแทนอนุมัติสัญชาติวานูอาตูในต่างประเทศ เช่น ในฮ่องกง 

ฮ่องกงเป็นตลาดการขอสัญชาติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยนายหน้าคนหนึ่งอธิบายว่า ลูกค้าจำนวนมากของเขาเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่รู้สึกไม่ปลอดภัย และต้องการจะเข้าไปเปิดบัญชีธนาคาร ซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือเปิดธุรกิจในยุโรป

แม้วานูอาตูก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีเกี่ยวกับการคอร์รัปชัน จนถูกขึ้นขึ้นบัญชีดำของสหภาพยุโรป ทำให้หลายบริษัทไม่แนะนำให้ขอสัญชาติวานูอาตู แต่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่จำนวนมากก็ยังขอสัญชาติวานูอาตูกันอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นประเทศที่เป็นที่พักหลบภาษี

บารัก โซพ อดีตนายกรัฐมนตรีวานูอาตูเป็นหนึ่งในคนที่ไม่พอใจนโยบายขายสัญชาติ เขามองว่านโญบายนี้เป็นการทรยศชาววานูอาตู เพราะก่อนช่วงปี 1980 ชาววานูอาตูยังเป็นคนไร้รัฐอยู่นานมาก ก่อนที่จะได้เอกราชจากฝรั่งเศสและอังกฤษ และการขายสัญชาติยังทำให้คนจีนเอาเงินไปลงทุนในวานูอาตูแล้วก็จ้างคนจีนไปทำงาน ชาววานูอาตูไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร เงินที่รัฐบาลได้จากโครงการขายสัญชาติก็ไม่ถูกกระจายไปพัฒนาพื้นที่อื่นๆ นอกจากบริเวณใจกลางเมืองหลวงเท่านั้น

ด้านแอน ปาโก หัวหน้าชุมชนในวานูอาตูกล่าวว่า บรรพบุรุษของพวกเขาสู้จนตัวตายเพื่อเสรีภาพ แต่ปัจจุบัน ชาวต่างชาติก็มาถือพาสปอร์ตแบบเดียวกันกับพวกเขา ด้วยเงิน 150,000 ดอลลาร์ โดยที่ไม่รู้ว่าเงินไปอยู่ที่ไหน เธอคิดว่ารัฐบาลควรยุติโครงการนี้เสีย

อย่างไรก็ตาม แดน แมคการ์รี เจ้าของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นกล่าวว่า นโยบายการขายสัญชาติวานูอาตูน่าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปในในเวลาอันใกล้นี้ เพราะธุรกิจซื้อขายสัญชาติยังบูมมากในหมู่คนจีน การขายพาสปอร์ตคิดเป็นร้อยละ 30 ของรายได้ทั้งหมดของประเทศ แต่ชาววานูอาตูก็ต้องมาตั้งคำถามว่า เงินจำนวนมหาศาลนี้คุ้มค่ากับการต่อสู้เพื่อเอกราชหรือไม่ สิ่งนี้ถูกต้องไหม ควรต้องขายอธิปไตยที่บรรพบุรุษต่อสู้ไปให้กับคนรวยไหม

ทั้งนี้ ธุรกิจการขายสัญชาติหรือขายพาสปอร์ตก็เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ประเทศที่เป็นเกาะเล็กๆ ในแปซิฟิกหรือแคริบเบียนมักขายพาสปอร์ตในราคาประมาณ 150,000 ดอลลาร์ (4.5 ล้านบาท) พาสปอร์ตมอนเตเนโกรอยู่ที่ 274,000 ดอลลาร์ (8.3 ล้านบาท) พาสปอร์ตโปรตุเกสราคา 384,000 (11.7 ล้านบาท) พาสปอร์ตสเปนราคา 550,000 ดอลลาร์ (16.7 ล้านบาท) พาสปอร์ตของสหรัฐฯ ราคาอยู่ที่ 500,000 - 1,000,000 ดอลลาร์ (15-31 ล้านบาท) โดยต้องนำเงินนี้ไปลงทุนในธุรกิจที่สร้างงานได้ 10 ตำแหน่ง ส่วนพาสปอร์ตอังกฤษราคา 2.5 ล้านดอลลาร์ (76 ล้านบาท)

 

ที่มา : BBC, ABC News