สำนักข่าว CNN รายงานอ้างอิงการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมไต้หวัน ซึ่งเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนได้ส่งเครื่องบินรบรุกล้ำเข้าไปในเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวัน หรือ ADIZ มากถึง 77 ลำ ในระยะเวลาเพียง 2 วันเท่านั้น โดยแบ่งเป็น 37 ลำในวันที่ 1 ต.ค.และอีก 39 ลำในวันที่ 2 ต.ค. ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนการรุกล้ำเขต ADIZ ที่สูงที่สุดที่เคยมีการบันทึกและเผยแพร่ต่อสาธารณะนับตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมา

การรุกล้ำในวันที่ 2 ต.ค.นั้นแบ่งออกเป็นสองช่วงเวลาด้วยกัน โดยจีนส่งเครื่องบินรบเข้ามาในเขต ADIZ 20 ลำในช่วงเวลากลางวัน และอีก 19 ลำในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเครื่องบินรบจากกองทัพจีนประกอบไปด้วยฝูงเครื่องบินขับไล่ J-16 จำนวน 26 เครื่องบินขับไล่ Su-30 จำนวน 10 ลำ เครื่องบินรบต่อต้านเรือดำน้ำ Y-8 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้าทางอากาศ KJ-500 อีก 1 ลำ อย่างไรก็ตาม นี่คือการรุกล้ำเขต ADIZ เท่านั้น ซึ่งยังไม่ใช่พื้นที่ที่เป็นเขตน่านฟ้า หรือ Air Space ของไต้หวัน

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ไต้หวันและสหรัฐฯ มีการกระชับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงต้นเดือน ส.ค.ไต้หวันได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้ทำข้อตกลงขายอาวุธยุทโธปกรณ์ล็อตใหญ่ให้กับไต้หวัน พร้อมมีการระบุว่าจะเป็นการช่วยให้ไต้หวันมีศักยภาพในการป้องกันการรุกรานของจีนมากยิ่งขึ้น ขณะที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาสหรัฐฯ และไต้หวันก็ได้ลงนามความร่วมมือด้านการลาดตระเวณชายฝั่งร่วมกัน

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า เนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาแสดงความเห็นต่อความเคลื่อนไหวล่าสุดของจีนทันที โดยชี้ว่าการรุกรานเขต ADIZ ด้วยเครื่องบินรบทั้ง 77 ลำ จะเป็นการทำลายความมั่นคงของทั้งไต้หวันและความมั่นคงของภูมิภาค พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลจีนยุติพฤติกรรมอันเป็นการ "ยั่วยุ" โดยทันที 

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ย้ำชัดว่า "ความยึดมั่นของสหรัฐฯ ที่มีต่อไต้หวันนั้นมั่นคงอย่างมาก และพร้อมจะเดินหน้าสร้างความมั่นคงและสันติให้มีขึ้นในไต้หวันและภูมิภาค" พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลปักกิ่งยุติการกดดันไต้หวันทั้งทางเศรษฐกิจ ทางการทูต และทางการทหารโดยเร็ว