ทวิตเตอร์ ประกาศรายละเอียดการแบนโฆษณาทางการเมืองออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ระบุว่า กฎใหม่ของทวิตเตอร์จะแบนไม่ให้นักการเมือง ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งทางการเมือง กลุ่มสวัสดิการสังคมประเภท 501(c)(4) และกลุ่มรณรงค์ทางการเมือง หรือ Super PACS (Super Political Action Committee) ของสหรัฐฯ จากการจ่ายเงินเพื่อซื้อโฆษณาเผยแพร่ข่าวสารทางการเมืองบนแพลทฟอร์มของทวิตเตอร์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 พ.ย. นี้
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นหนึ่งในความพยายามของทวิตเตอร์ในการกำกับดูแลผลกระทบที่ทวิตเตอร์มีต่อสังคมในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพฤติกรรมการใช้ทวิตเตอร์ของผู้คนทั่วโลกในปัจจุบันสร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญทางการเมือง
อย่างไรก็ตามทวิตเตอร์ได้ระบุไว้ด้วยว่าผู้ที่มีสิทธิ์ซื้อโฆษณาทางการเมืองและเผยแพร่บนทวิตเตอร์ประกอบไปด้วย สำนักข่าวที่ได้รับการรับรอง กลุ่มบริษัทเอกชน และผู้ใช้งานบางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งประเด็นนี้เองทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลขึ้นมาและตั้งคำถามว่ากฎเกณฑ์ที่ว่านี้จะสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้งานมากกว่าจะสร้างผลดีให้เกิดขึ้นกับบรรยากาศทางการเมืองหรือไม่ เพราะท้ายที่สุดแล้วคนที่จะต้องรับมือกับปัญหาหนักที่สุดก็คือทวิตเตอร์เอง
เนื้อหาในโฆษณาแบบใดบ้างที่สามารถเผยแพร่ได้ ?
ทวิตเตอร์กำหนดว่า โฆษณาทางการเมืองที่จะสามารถเผยแพร่บนทวิตเตอร์ได้ต้องเป็นโฆษณาทางการเมืองที่ 'ให้ความรู้' 'สร้างการตระหนักรู้' และ/หรือ 'สนับสนุนให้ประชาชนลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เกี่ยวโยงกับการมีส่วนร่วมในฐานะพลเมือง การเติบโตทางเศรษฐกิจ การรักษาสิ่งแวดล้อม หรือความเท่าเทียมทางสังคม' และจะต้องเป็นโฆษณาทางการเมืองที่ไม่ถูกใช้เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ทางการเมือง การพิจารณาคดี ผลลัพธ์ทางกฎหมาย หรือการออกกฎเกณฑ์ทางสังคม
รายละเอียดมากมายที่กล่าวมานี้เองจะสร้างความสับสนอย่างมากให้กับสังคม ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าทวิตเตอร์จะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับผลที่จะเกิดขึ้นหลังการบังคับใช้กฎดังกล่าว และถ้าหากพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีความเป็นไปได้อย่างมากที่กฎใหม่ของทวิตเตอร์จะสร้างความไม่พอใจและความรู้สึก 'ลำเอียง' ให้กับทั้งฝ่ายที่ถูกแบนและไม่ถูกแบน
สำนักข่าวใดบ้างจะสามารถซื้อโฆษณาทางการเมืองได้ ?
แม้ว่าทวิตเตอร์จะยืนยันว่าสำนักข่าวที่ผ่านการรับรองคุณสมบัติจะสามารถสามารถเผยแพร่โฆษณาทางการเมืองได้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการว่าสำนักข่าวใดบ้างที่ผ่านคุณสมบัติของทางทวิตเตอร์ สิ่งที่ชัดเจนตอนนี้ก็คือเนื้อหาของโฆษณาที่จะได้รับอนุญาตจะต้องไม่มีจุดประสงค์ในการ 'สนับสนุน' หรือ 'ทำลาย' บุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งทางการเมือง
นอกจากนั้น ภายใต้กฎใหม่นี้ สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้งานทวิตเตอร์จะไม่สามารถทำได้คือการตั้งค่าเจาะกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาแบบ Micro-Targeted ซึ่งขณะนี้ผู้ใช้งาน Facebook และ Google ยังสามารถทำได้อยู่ในการยิงโฆษณาทางการเมืองแบบเจาะกลุ่มเป้าหมายในสหรัฐฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง;