มิตโซตากิสได้รับความนิยมขึ้นจากความสำเร็จ ในการกอบกู้เศรษฐกิจของกรีซให้กลับมามีเสถียรภาพและเติบโตมากยิ่งขึ้น หลังจากวิกฤตหนี้ที่รุนแรง แม้ว่าชาวกรีกจำนวนมากกำลังต่อสู้กับวิกฤตค่าครองชีพ แต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกที่จะลงคะแนนให้พรรค ND ที่สัญญาว่าจะลดภาษีและปรับปรุงสุขภาพของประชาชน
การลงคะแนนเสียงมีขึ้น 11 วันหลังจากโศกนาฏกรรมเรือผู้อพยพนอกชายฝั่งกรีซ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตประมาณ 500 คน อย่างไรก็ตาม ภัยพิบัติมีผลเพียงเล็กน้อยต่อการเลือกตั้ง และชาวกรีกได้ลงมติเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลของพรรค ND ต่อไป
“ประชาชนให้เสียงข้างมากกับเรา” มิตโซตากิสกล่าว ในขณะที่ผลการนับคะแนนเริ่มมีความชัดเจนว่า พรรค ND ของเขาจะชนะการเลือกตั้งกรีซ “การปฏิรูปครั้งใหญ่จะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว”
เมื่อเดือนที่แล้ว พรรค ND ขาดเสียงข้างมากในรัฐสภา 300 ที่นั่ง และการตัดสินใจของมิตโซตากิสที่จะจัดให้มีการเลือกตั้ง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวที่มีเสถียรภาพประสบกับความสำเร็จเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มิตโซตากิสกล่าวว่าเขาไม่สามารถให้คำสัญญาว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ได้ แต่พรรค ND ของเขามี "เป้าหมายสูงสุด" ที่จะเปลี่ยนแปลงกรีซด้วยบริการสาธารณสุขและการศึกษาที่ดีขึ้น
ชัยชนะของมิตโซตากิสเหนือพรรคซีรีซาของ อาเลกซิส ซีปรัส อดีตนายกรัฐมนตรีกรีซ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากในการเมืองกรีซ เนื่องจากมีพรรคการเมืองในกรีซเพียงไม่กี่พรรค ที่สามารถได้รับการเลือกตั้งจนมีเก้าอี้มากกว่าเดิม หลังจากดำรงตำแหน่งวาระแรกได้
นอกจากนี้ มิตโซตากิสยังประสบความสำเร็จในการดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นเยาว์ มากกว่าพรรคคู่แข่งอย่างพรรคซีรีซาของซีปรัส ที่พ่ายแพ้อย่างยับเยินในการเลือกตั้งครั้งแรก และพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งที่สอง ด้วยคะแนนเสียงไม่ถึง 18% โดยมีการคาดการณ์ว่าซีปรัสจะลาออกจากพรรค แต่เจ้าตัวกล่าวว่าการลาออกของเขาต้องเป็นการตัดสินใจของสมาชิกพรรค
มิตโซตากิส ผู้นำอนุรักษ์นิยมกรีซได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ในฐานะของผู้ที่คอยปัดป้องวิกฤตการณ์ที่สร้างความเสียหายในตลอดปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงภัยพิบัติทางรถไฟ และเรื่องอื้อฉาวจากการดักฟังของหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง รวมถึงการที่หลานชายของมิตโซตากิส ได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ กรีซยังเผชิญหน้ากับเหตการณ์เรือผู้อพยพจมนอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่เกิดวิกฤตผู้อพยพ มุมมองของผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวกรีกส่วนใหญ่ได้หันไปให้การสนับสนุนนโยบายที่มีความเข้มงวดและความเป็นอนุรักษนิยมมากขึ้น
ที่มา: