ไม่พบผลการค้นหา
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับรับฟ้องใน คดี 5 แกนนำ นปช.ล้มประชุมอาเซียน ปี 2552 กลายเป็นจำเลยในคดีล่าสุด

ศาลจังหวัดพัทยานัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีล้มประชุมอาเซียน ปี 2552 โดยอัยการพัทยาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.5 คนประกอบด้วย จตุพร พรหมพันธุ์, วีระกานต์ มุสิกพงศ์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ และอดิศร เพียงเกษ กรณีถูกกล่าวหาว่าสั่งการให้ล้มการประชุมอาเซียน ซึ่งคดีนี้ศาลพัทยาพิพากษายกฟ้อง เพราะเห็นว่าเป็นการฟ้องซ้ำซ้อนกับฟ้องที่ศาลอาญาในกรุงเทพฯ ที่ประทับรับฟ้องไว้แล้วในกรณีของการชุมนุมเมื่อปี 2552 หากอัยการประสงค์ที่จะไปแก้ไขเพิ่มเติมก็สามารถไปดำเนินการในคดีอาญาที่ศาลอาญากรุงเทพได้ แต่อัยการพัทยายื่นอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว 

โดยจำเลยทั้งหมดถูกฟ้องข้อหายุยงส่งเสริมปลุกปั่นให้เกิดความปั่นป่วน และสมคบกันเกิน 10 คนขึ้นไป กรณีสนับสนุนให้กลุ่มมวลชนยกขบวนไปปิดล้อมและล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือ อาเซียนซัมมิท ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ท เมืองพัทยา เมื่อปี 2552 ทั้งนี้นายจตุพรและพวกถูกฟ้องและอยู่ระหว่างกระบวนการยุติธรรมของศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ในคดีการชุมนุมปี 2552 ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล ในข้อหาร่วมกันยุยงส่งเสริมก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ตามกฎหมายอาญา มาตรา 116 ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวกัน และต่อเนื่องมาเป็นคดีที่พัทยา ล่าสุดศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นประทับรับฟ้องในคดีนี้ ส่งผลให้แกนนำ นปช.ทั้ง 5 คนตกเป็นจำเลยตามที่อัยการพัทยายื่นฟ้อง

โดยจตุพรให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารับฟังคำพิพากษาว่า เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาว่า เป็นการฟ้องไม่ซ้ำ ก็ต้องเริ่มกระบวนการประกันตัวใหม่ วันนี้ตนกับนายอดิศรเดินทางมาที่ศาลส่วนจำเลยที่เหลือ คือ นายวีระกานต์และ นพ.เหวงได้มีการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ มาจากโรงพยาบาลเรือนจำราชทัณฑ์ ส่วนนายณัฐวุฒิ ก็ฟังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 

หลังจากนี้ทางทีมทนายความจะยื่นฎีกาคำสั่งฟ้องซ้ำ เพราะคดีนี้ในศาลอาญามีการพิจารณาโดยมีพยานหลายคน ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันที่มาเบิกความของคดีพัทยาในคดีแรก และทนายได้ตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ฟ้องตนที่ศาลพัทยา ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจขนาดนั้นที่รับผิดชอบในภาค 2 บอกว่าความผิดของตนอยู่ใน กทม. และปรากฏว่าคดีที่เกิดขึ้นที่ กทม. ยื่นฟ้องต่อศาลอาญานั้นพยานบุคคลที่ 2 ที่ทางอัยการนำมาสืบนั้น ก็เป็นบุคคลที่เป็นอดีตผู้บัญชาการภาค 2 ซึ่งเคยเบิกความที่ศาลพัทยา เหล่านี้ยังมีหลากหลายประเด็นก็เป็นกระบวนการยุติธรรมตามปกติเกี่ยวเรื่องการวินิจฉัยฟ้องศาล อย่างไรก็ตามในวันที่ 31 ก.ค. ตนต้องไปศาลอาญาในประเด็นที่มีความเกี่ยวพันกัน ซึ่งทางตำรวจเคยรายงานว่าได้แยกออกเป็น 2 สำนวนคือ สำนวนที่พัทยาและสำนวนที่ กทม. ดังนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งดังกล่าวออกมาก็ต้องทำตามขั้นตอน 

อ่านเพิ่มเติม