นายรอส สมิธ-เคิร์ก ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด เปิดเผยถึงความคืบหน้ากระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่าง บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด กับราชอาณาจักรไทย ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (ทาฟต้า) ว่าจากการติดตามสถานการณ์ในฮ่องกงอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีการยกระดับความรุนแรงของสถานการณ์เมื่อไม่กี่วันมานี้ บริษัทจึงตัดสินใจร่วมกันกับรัฐบาลไทยขอให้คณะอนุญาโตตุลาการเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปก่อน เพราะบริษัทคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงานและพยานทุกคนของบริษัท
ล่าสุดบริษัทและรัฐบาลไทยได้รับอนุญาตจากคณะอนุญาโตฯ ให้เลื่อนการพิจารณาคดีตามกระบวนการอนุญาโตฯ กับราชอาณาจักรไทย ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย ออกไปจากเดิมซึ่งมีกำหนดพิจารณาระหว่างวันที่ 18 – 29 พ.ย.นี้ ที่ฮ่องกง ซึ่งขณะนี้ บริษัทกำลังเร่งดำเนินการให้มีการจัดการพิจารณาดคีขึ้น ที่ประเทศสิงคโปร์ อย่างเร็วที่สุด
"ขอชี้แจงให้ชัดเจนว่า การเลื่อนพิจารณาคดีในครั้งนี้ไม่ได้แปลว่าคดีของบริษัทมีความแข็งแกร่งลดลงแต่อย่างใด เพราะเรายังคงมั่นใจในข้อโต้แย้งและหลักฐานต่างๆ ที่เรามี แต่นี่เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่บริษัทพึงมีต่อคนของตน ในการดูแลสวัสดิการและความปลอดภัยของพนักงานและพยานของบริษัท ซึ่งบริษัทจะแจ้งวันและสถานที่ในการพิจารณาคดีให้ทราบในโอกาสต่อไป และบริษัทยังคงพร้อมที่จะเข้าพบเพื่อหารือถึงแนวทางการปฏิบัติเพื่อหาทางออกร่วมกันกับรัฐบาลไทย" นายรอส กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ในจังหวัดพิจิตรและเพชรบูรณ์ แต่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งมาตรา 44 ให้เหมืองแร่ทองคำชาตรียุติการประกอบกิจการในปี 2559 เป็นสาเหตุให้ทางบริษัทตัดสินใจส่งหนังสือแจ้งรัฐบาลไทยละเมิดข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย นำไปสู่กระบวนการอนุญาโตฯ ดังกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :