วันที่ 14 ธ.ค. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง (รมช.)มหาดไทย ปฏิเสธการตอบคำถามถึงความคืบหน้าการเสนอเรื่องการแก้ไขปัญหานิคมอุตสาหกรรมจะนะ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา หลังชาวบ้านมาชุมนุมเรียกร้องกดดันรัฐบาลบริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อให้จัดทำ SEA ใหม่ ว่าจะมีการรายงานเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้เลยหรือไม่ โดยระบุสั้นๆเพียงว่า ขอให้รอ

’สุพัฒนพงษ์’พยักหน้าจะเดินทางไปพบม็อบจะนะ

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหานิคมอุตสาหกรรมจะนะ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา หลังประชาชนเรียกร้องให้ทำ SEA ใหม่ โดยปักหลักชุมนุมกดดันบริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ว่า ขอให้รอดูผลเนื่องจากขณะนี้กำลังเจรจาอยู่ ส่วนภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีจะเดินทางไปพบกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่นั้น สุพัฒนพงษ์ ได้พยักหน้ารับ ก่อนที่จะเดินเข้าตึก สันติไมตรีเพื่อร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี

ทั้งนี้ สุพัฒนพงษ์ ยังปฏิเสธการตอบคำถามถึงกรณีการเสนอการกู้เงินเพิ่ม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่มีการขยายเพดานหนี้

ครม. ถก แก้ปัญหานิคมจะนะ หลังชาวบ้านปักหลักกดดันปิดแยกหน้าทำเนียบ

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เต็มคณะ ตึกสันติไมตรีทำเนียบรัฐบาล โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้มีวาระที่น่าสนใจเพื่อพิจารณา กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ การจัดทำโครงการบ้านพักข้าราชการ (บ้านหลวง) ของกระทรวงศึกษาธิการภายใต้ แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 -2579) 

ขณะที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมีการเสนอปรับลดพื้นที่ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ออกจากพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

โดยวันนี้ที่ประชุมจะมีการติดตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ.2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 17 /2564 หลังจากที่ภาคเอกชนออกมาเรียกร้องให้มีการกู้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า รวมไปถึงการรายงานผลการพิจารณารายงานการพิจารณศึกษา เรื่อง การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหลังวิกฤตโควิด-19 ของคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา

และรายงานเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการป้องกัน ควบคุม แก้ไขปัญหา และบรรเทาผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19

ขณะเดียวกันต้องจับตา การรายงานและเจรจาความคืบหน้าการแก้ไขปัญหานิคมอุตสาหกรรมจะนะ หลังจากที่ชาวบ้านออกมาเรียงร้องและกดดันให้ทบทวนการทำ SEA ใหม่อีกครั้ง ปิดการจราจรอยู่ที่บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล

ตร. ขู่ ‘จะนะรักษ์ถิ่น’ ไม่เปิดทาง อาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไขประกันตัว

ผู้สื่อข่าวรายงาว่า เมื่อเวลา 06.00 น. พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 ได้เข้าพูดคุยกับทางแกนนำเครือข่ายจะนะรักษ์อีกครั้ง หลังจากคืนที่ผ่านมามีการเจรจาขอให้ทางกลุ่มซึ่งเคลื่อขบวนจากหน้าองค์การสหประชาชาติ มาชุมนุมปักหลักที่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ใกล้ทำเนียบรัฐบาล เปิดทางให้มีการสัญจรไปมาตามปกติตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ต่อมาจึงมีการเจรจาอีกครั้งโดยขอให้เปิดทางในช่วง 06.00 - 08.00 น. เนื่องจากในช่วงเช้าจะมีการประชุม ครม.แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป

ทำให้ช่วงเช้าวันนี้จึงมีการเข้ามาเจรจาอีกครั้งโดยมีลักษณะในการใช้ข้อกฎหมายข่มขู่การใช้สิทธิชุมนุมโดยสงบของประชาชน โดยมีการอ้างว่าหากไม่ยอมย้ายที่หรือเปิดทาง อาจจะเข้าข่ายการกระทำที่ผิดเงื่อนไขการประกันตัว ซึ่งกลุ่มชาวจะนะเคยถูกจับกุมดำเนินคดีไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมา

เวลา 07.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักอยู่บนสะพานชมัยมรุเชฐ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตรึงกำลังราว 50 นายอยู่บนสะพานฯ เช่นเดียวกัน ต่อมามีการนำรถตำรวจกว่า 20 คันมาจอดไว้ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล และมีการเสริมกำลังเจ้าหน้าตำรวจเพิ่มขึ้นกว่าร้อยนาย

'ไครียะห์' ย้ำไม่ได้รับคำตอบขอปักหลักหน้าทำเนียบฯ ยืดเยื้อ

ต่อมา 08.00 ไครียะห์ ระหมันยะ ลูกสาวแห่งท้องทะเลจะ แถลงว่า ก่อนหน้านี้ได้เดินทางเข้ามานั่งหน้าทำเนียบตั้งแต่กลางเดือน พ.ย. เมื่อพี่น้องชาวจะขึ้นมาสมทบในวันที่ 6 ธ.ค. ก็ถูกสลายถูกจับกุมดำเนินคดีเพียงแค่ต้องการมาทวงสัญญาที่รัฐบาลให้ไว้ แต่สำหรับวันนี้หากยังไม่ได้คำตอบรับใดๆ จากรัฐบาล พวกเราก็จะนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ย้ายไปไหน 

“ข้อเรียกร้องของเราประนีประนีอมสุดๆ นายกฯ อยากให้ถอยคนละก้าว แต่ตอนนี้พี่น้องถอยจนหลังชนฝาแล้ว คุณเป็นผู้นำหวังว่าคุณจะคิดได้” ไครียะห์ กล่าว

สำหรับการรวมตัวครั้งนี้ เป็นไปเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลสั่งยุติการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับนิคมอุตสาหกรรมจะนะไว้ก่อน เพื่อศึกษาตรวจสอบการประเมินสิ่งแวดล้อมในระดับยุทธศาสตร์ (SEA) อย่างมีส่วนร่วมก่อน