ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี เผยเตรียมนำครม.ประยุทธ์ 2/3 เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนปฏิบัติหน้าที่ 27 มี.ค.นี้ เมินเสียงวิจารณ์ 'ตรีนุช' ไม่มีประสบการณ์ ระบุทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายกฯ และนโยบายยุทธศาสตร์ชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง ครม.2/3 ที่โปรดเกล้าฯ ลงมาวานนี้ (23 มี.ค.) ว่าจะนำครม.ใหม่ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญานตน ในวันเสาร์ที่ 27 มี.ค.นี้ ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาการ ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการศึกษา นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่าการทำงานมีหลายระดับ โดยในส่วนของนโยบายมีตนกำกับดูแลอยู่แล้ว ในฐานะนายกรัฐมนตรี และมีประสบการณ์งานด้านการศึกษามาก่อน ตนเป็นทหารอย่าลืมว่ารัฐบาลเป็นผู้กำหนดนโยบาย แนวทางการปฏิบัติ ให้รัฐมนตรีไปดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งเรื่องปฏิรูปการศึกษา และ พ.ร.บ.การศึกษา ดังนั้นใครจะมาเป็นรัฐมนตรีก็ต้องปฏิบัติตามกรอบนี้ ซึ่งตนก็ให้ความสำคัญเรื่องการศึกษาเป็นพิเศษ อย่ามาบอกว่านายกรัฐมนตรีไม่รู้รายละเอียด เพราะนายกฯ รู้แต่ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ แต่เป็นผู้กำหนดนโยบาย แต่ก็ติดตามมาตลอด 

พร้อมย้ำว่าการทำงานของรัฐบาลวันนี้ ไม่ใช่ทำงานการเมือง เป็นการทำงานตามกรอบอำนาจหน้าที่ฝ่ายบริหาร ทุกคนที่เข้ามาคือ ส.ส.ที่ประชาชนเลือกมา ก็ต้องเคารพในสิทธิของเขา ในการที่จะเป็นรัฐมนตรี แต่ทั้งหมด ต้องถูกบริหารโดยนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และบริหารผ่านช่องทาง ครม.

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีนักวิชาการออกมาให้ความเห็น ตนก็เคารพในความรู้ แต่ในเชิงบริหารก็ต้องเข้าใจ ถ้าตามหลักวิชาการทุกคนรู้ไม่ต่างกันมากหนัก แต่ทำอย่างไรสิ่งที่พูดมาและหวังดีทุกคน จะทำได้ต้องอาศัยความร่วมมือ เข้าใจในนโยบายของรัฐ 

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับ ครม.แต่หากทำไม่ดี ก็จะต้องถูกปรับออก โดยมีการประเมินการทำงานรัฐมนตรี ทุกกระทรวงอยู่แล้ว โดยมีการรายงานความคืบหน้าผลการทำงานทุก 3 เดือน 

ส่วนการสลับตำแหน่งของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงคมนาคม นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ต้องการให้ 2 กระทรวงเร่งขับเคลื่อนงาน ให้เร็วขึ้นเพราะมีความสำคัญ ในการสร้างโอกาส จัดทำโครงสร้างพื้นฐานให้ทุกคนเข้าถึงโดยเร็ว ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ก็ต้องเร่งหารายได้เข้าประเทศ ซึ่งหลายอย่างอาจจะมีปัญหา ติดขัดเพราะความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน เพราะบางครั้งการสื่อสารออกมาอาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง แต่ห้ามความคิดของคนไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องหาความร่วมมือระหว่างกัน ถ้าอยากเห็นประเทศเราดี เราจะต้องช่วยกันบริหาร ทำประเทศให้ดีขึ้น ซึ่งตนคาดหวังเพราะมีหลายอย่าง ต้องเร่งรัดดำเนินการ ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน ถือจะมีการปรับครม. แต่ถ้าหากทำไม่ดี ก็ต้องมีการปรับออก


ขออย่าทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นเรื่องปมข้าวสาร 700 กระสอบ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีกองข้าวสาร 700 กระสอบ ที่ตั้งอยู่ที่อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ว่าได้ชี้แจงไปแล้วเมื่อวานนี้ ส่วนข้อสงสัยที่ระบุว่ามีการปิดชายแดนแต่เหตุใดจึงสามารถทำการค้าขายได้นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ได้มีการปิดชายแดนแต่อย่างไร พร้อมกับย้อนถามสื่อมวลชนว่า เขาปิดจนเปิดหมดแล้วคุณไม่รู้หรือ การค้าขายเป็นปกติทุกช่องทาง พร้อมยังระบุอีกว่า ผู้ที่ได้รับประโยชน์ตรงนี้คือภาคธุรกิจ เอกชน และประชาชน ซึ่งก็ต้องกินต้องใช้ ชายแดนติดกัน เศรษฐกิจก็พ่วงกันอยู่ เข้าใจหรือไม่ ทหารเหล่านี้ก็เป็นทหารตามแนวชายแดนเหมือนกับฝั่งไทย ก็ต้องกินเหมือนกันไม่ใช่หรือ 

ส่วนเมื่อถามย้ำว่าข้าวสาร 700 กระสอบดังกล่าวเป็นข้าวสารจากประเทศไทยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า จะมีข้าวที่ไหนเข้ามายังประเทศไทยอีกตอนนี้ แต่เมื่อประเทศเขามีปัญหา เขาก็สั่งระงับการส่งของเขาเอง พร้อมย้ำว่า ทำไมต้องให้เกิดปัญหา เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง เอาเรื่องโน้นไปพันเรื่องนี้ นั่นเป็นการบริหารราชการแผ่นดินของเขา ประชาชนเองก็ติดต่อกัน 

นอกจากนี้ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรียังระบุอีกว่า อย่าทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นเรื่อง ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที


เมินม็อบนัดชุมนุมเย็นนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมประกาศนัดชุมนุม พร้อมจัดเวทีปราศรัยในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ จะมีการกำชับ หรือสั่งการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ว่า ก็ประกาศนัดชุมนุมไปสิ แล้วทำไม ซึ่งตนไม่ต้องไปสั่งการอะไรเพิ่มเติม ไม่เห็นต้องสั่งทุกวัน เพราะเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่แล้วดังนั้นต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่บ้าง ซึ่งไม่มีใครไม่อยากทำให้ไม่เกิดความสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว ดังนั้นอย่ามองเพียงด้านเดียวขอให้มอง 2 ทาง ย้ำว่าไม่จำเป็นต้องสั่งอะไรเพิ่มเติมแต่เป็นการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวในตอนหนึ่งว่า วันนี้ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุม หรืออะไรต่างๆ ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ซึ่งได้มีการผ่อนผันและอนุโลม แต่เมื่อทำผิดมากๆเข้า ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่เช่นนั้นประเทศชาติจะเกิดความสับสนอลหม่าน จึงขอให้เกียรติซึ่งกันและกัน