ไม่พบผลการค้นหา
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเผยช่วงโควิด-19 ระบาด ประชาชนงดเที่ยวทะเล ชายหาดภูเก็ต พังงาสะอาด เต่ามะเฟืองกลับมาวางไข่มากขึ้น

นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่าในช่วงที่ผ่านมาพบแม่เต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่ตามแนวชายฝั่งอันดามันจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดพังงา รวมทั้งสิ้น 11 รัง ก่อนที่ลูกเต่ามะเฟืองจะทยอยฟักออกมาและพากันคลานลงสู่ทะเล ซึ่งตรงกับช่วงที่โรคโควิด-19 กำลังระบาดหนักไปทั่วประเทศ ลูกเต่ามะเฟืองเกิดใหม่ในฤดูนี้มีปริมาณมากกว่าฤดูอื่นในรอบกว่าสองทศวรรษ 

สำหรับปรากฏการณ์ฤดูวางไข่ตั้งแต่กลางเดือน พ.ย. 2562 มีรายงานว่าพบแม่เต่ามะเฟือง 4-5 ตัวขึ้นวางไข่ 4 พื้นที่ ได้แก่ หาดบ่อดาน อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา หาดท้ายเหมือง อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เกาะคอเขา อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และหาดทรายแก้ว–หาดไม้ขาว-หาดในทอน อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต รวมทั้งหมด 11 รัง (ถูกขโมย1รัง) แต่ละรังมีไข่ประมาณ 60-120 ฟอง โดยทั่วไปจะใช้ระยะเวลาในการฟักตัวประมาณ 55-60 วัน ในระหว่างนี้อุณหภูมิจะเป็นตัวแปรที่สำคัญต่ออัตราการฟัก ระยะเวลาที่ใช้ฟักและที่สำคัญเป็นตัวกำหนดเพศของลูกเต่า

อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเต่ามะเฟืองตกอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งสาเหตุสำคัญเนื่องจากผลกระทบจากการทำประมง แหล่งวางไข่ถูกรบกวนจากการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยว การลักลอบเก็บไข่เต่า และขยะทะเล ซึ่งที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำชับให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชจัดเวรยามเฝ้าระวังเพื่อความปลอดภัย พร้อมจัดทีมนักวิชาการลงพื้นที่และติดตั้งระบบติดตามเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อวิเคราะห์และวางมาตรการดูแลเต่ามะเฟืองให้ดีที่สุด รวมทั้งหาวิธีให้ประชาชนรับทราบข่าวและสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้เช่นเดียวกับกรณีพะยูนและมาเรียม เพราะหากปล่อยให้มีการชมหรือเข้าถึงอย่างใกล้ชิดอาจจะเกิดการรบกวนหรือทำให้การฟักตัวไม่สมบูรณ์ก็เป็นได้ 

นอกจากเต่ามะเฟืองแล้วกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ให้ความสำคัญกับสัตว์ป่าสงวนรวมถึงสัตว์ทะเลหายากทุกชนิด โดยเตรียมหามาตรการและประสานความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนรวมถึงสร้างเครือข่ายภาคประชาชนให้ช่วยกันสอดส่องและดูแลทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้ให้คงอยู่ต่อไป   

การลดลงของนักท่องเที่ยวน่าจะมีผลดีต่อระบบนิเวศทางทะเล เพราะว่าเมื่อมนุษย์ใช้พื้นที่และทรัพยากรน้อยลง สัตว์ทะเลหายากก็ได้กลับมาใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้มากขึ้น ทั้งนี้ทางกรมฯ ยังไม่ได้เก็บข้อมูลที่ชัดเจนถึงความเปลี่ยนแปลงของสภาพชายหาดและระบบนิเวศทางทะเลหลังจากเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง แต่โดยหลักการแล้วปริมาณนักท่องเที่ยวที่น้อยลงทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งน้อยลงน้ำเน่าเสียของเสียและขยะต่างๆ ก็ลดลงตามไปด้วย จึงมีโอกาสที่ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งรวมทั้งสัตว์ทะเลหายากและระบบนิเวศทางทะเลได้พักและฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง