ไม่พบผลการค้นหา
กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เริ่มแบนรถดีเซลเก่าไม่ให้เข้าไปในเขตเมือง ขณะที่มาดริด ประเทศสเปนยกเลิกคำส่ังแบนรถดีเซล หลังทดลองดำเนินการนาน 7 เดือน แต่ไม่ได้ผล

นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2019 รถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 13 ปี (ผลิตก่อนปี 2006) จะถูกแบนไม่ให้เข้าบริเวณกรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส เพื่อลดปริมาณมลพิษทางอากาศ

รถยนต์ รถบรรทุก และมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ดีเซลที่มีอายุกว่า 13 ปี จะถูกห้ามไม่ให้เข้ากรุงปารีส วันจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 2 ทุ่ม โดยคาดว่าจะมีผลกระทบกับยานพาหนะราว 800,000 คันในแคว้นอีล-เดอ-ฟรองซ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงปารีสและปริมณฑล ผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ 68 ยูโร (ราว 2,365 บาท) และค่าปรับสำหรับรถบัสและรถบรรทุกจะสูงถึง 135 ยูโร (ราว 4,695 บาท)

ทั้งนี้ จังหวัดอื่นๆ ในแคว้นอีล-เดอ-ฟรองซ์ ซึ่งเป็นเหมือนชานเมืองของปารีส และจำเป็นต้องพึ่งพารถยนต์ในการเดินทางมากกว่าปารีสนั้น จะไม่มีโทษปรับในช่วง 2 ปีแรกของเริ่มบังคับใช้มาตรการแบนเครื่องยนต์ดีเซลเก่า

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าทางรัฐบาลตกลงที่จะตั้งระยะเวลาทดลองปลอดโทษปรับ 2 ปี หลังมีเสียงทัดทานจากเทศมนตรีบางรายเกรงว่าการแบนนี้จะจุดชนวนกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อกั๊กเหลืองขึ้นมาอีกครั้ง โดยกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองซึ่งปะทุขึ้นในปีที่แล้วเป็นการชุมนุมประท้วงโดยชาวฝรั่งเศสหลายแสนคนที่ไม่พอใจกับแผนขึ้นภาษีเชื้อเพลิง

"เราไม่อยากจะบังคับให้ประชาชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แต่อยากให้พวกเขายอมรับด้วยการพูดคุยกันมากกว่า" แพทริก อูลิเยร์ ส.ส. จังหวัดโอดแซน ปริมณฑลของปารีสกล่าว

000_1HV19S.jpg

อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้ที่สเปน มีการยกเลิกคำสั่งห้ามยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษสูงเข้าสู่กรุงมาดริด เมืองหลวงของสเปน หลังจากบังคับใช้คำสั่งดังกล่าวมาได้ 7 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ทำให้มาดริดนับเป็นเมืองใหญ่แห่งแรกในยุโรปที่ 'กลับลำ' นโยบายลักษณะนี้

เดิมทีนโยบายดังกล่าวของมาดริดถูกเสนอโดยพรรค Más Madrid พรรคเสรีนิยม ขณะที่เทศมนตรีคนใหม่ของมาดริดมาจากพรรค People’s Party พรรคฝ่ายอนุรักษนิยมของสเปน ศาลากลางระบุว่าเป็นไปเพื่อพิจารณาปรับแก้มาตรการให้สอดคล้องกับความต้องการใช้รถยนต์ของพลเมือง

การตัดสินใจนี้ทำให้พลเมืองมาดริดหลายพันคนออกมาชุมนุมประท้วงเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พร้อมชี้ว่าเหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของระบบการเมืองสเปนซึ่งกลายเป็นการเมืองที่มีการแบ่งขั้วและเปราะบาง

ในปัจจุบันบรรดาชาติยุโรปต่างตั้งเป้าลดการปล่อยมลพิษด้วยการแบนไม่ให้ยานพาหนะเครื่องยนต์ดีเซลเก่าเข้าสู่เมืองใหญ่กัน ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ บริสทอล เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของอังกฤษก็เริ่มทำประชามติ 6 สัปดาห์เกี่ยวกับการแบนไม่ให้รถยนต์ดีเซลเข้าย่านกลางเมือง เมืองฮัมบูร์กและชตุทท์การ์ท ในเยอรมนีก็เริ่มแบนมาตั้งแต่ 31 พฤษภาคม 2018 และ 1 เมษายน 2019 ตามลำดับ ส่วนบรัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยียมแบนมาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2018 และจ่อแบนทั้งรถเบนซินและดีเซลในปี 2030 ด้วย ทางด้านประเทศไอร์แลนด์และกรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์เองก็มีเป้าจะหยุดจำหน่ายยานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิงเบนซินและดีเซลภายในปี 2030 เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ก็มีการเห็นต่างอยู่เช่นกันเช่นในกรณีของเยอรมนีเองก็มีความพยายามจากสมาชิกสภาที่ต้องการจะกลับลำการแบนเนื่องจากมองว่าการห้ามรถเข้าสู่เมืองเลยนั้นเป็นยาขมเกินไปในการรักษาสิ่งแวดล้อม

ที่มา: AFP / The Local

ข่าวที่เกี่ยวข้อง