นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือด่านถึงผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เรื่องแนวทางปฏิบัติในการเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรของคนสัญชาติไทยจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางในพื้นที่จังหวัดชายแดน โดยกำหนดวันเริ่มอนุญาตให้คนไทยกลับเข้ามาผ่านจุดผ่านแดนถาวรในพื้นที่จังหวัดชายแดน 21 จังหวัด 23 ช่องทาง ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 2563 เป็นต้นไป โดยกำหนดให้เดินทางได้วันละไม่เกิน 100 คนต่อ 1 ช่องทาง
ในส่วนจังหวัดชายแดนใต้ มีกำหนด 5 จุด คือ จุดผ่านแดนถาวร อ.สะเดา จ.สงขลา วันละไม่เกิน 100 คน, จุดผ่านแดนถาวรสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส วันละไม่เกิน 100 คน, จุดผ่านแดนถาวร อ.เบตง จ.ยะลา วันละไม่เกิน 50 คน, จุดผ่านแดนถาวรวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล วันละไม่เกิน 50 คน และจุดผ่านแดนถาวร อ.เมืองสตูล (ท่าเรือตำมะลัง) จ.สตูล วันละไม่เกิน 50 คน โดยกระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งจำนวนและรายชื่อผู้เดินทางในแต่ละวันให้กระทรวงมหาดไทยและจังหวัดชายแดนทราบล่วงหน้าก่อนการเดินทางไม่ต่ำกว่า 2 วัน หรือ 48 ชั่วโมง
สำหรับผู้ที่จะเดินทางกลับเข้ามา ต้องมีเอกสารประกอบการเดินทางด้วย 2 ใบ คือ 1.ใบรับรองแพทย์ หรือ fit to travel และ 2.หนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศ ออกโดยสถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุลใหญ่ไทยประจำประเทศที่พำนัก ซึ่งระบุรายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เดินทาง ช่องทางผ่านแดนที่จะเดินทางกลับ วันที่จะเดินทาง จังหวัดที่พำนักอาศัยหรือจังหวัดภูมิลำเนาในไทย และลายมือชื่อของผู้เดินทางลงนามรับทราบและยินยอมรับการกักตัวในสถานที่ที่รัฐกำหนด หรือ Local Quarantine เป็นเวลา 14 วัน
โดยกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดว่าหากผู้ที่เดินทางกลับเข้ามาผ่านช่องทางในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ มาจากประเทศมาเลเซีย และมีภูมิลำเนาอยู่ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ปัตตานี นราธิวาส ยะลา สงขลา และสตูล ให้จังหวัดชายแดนที่เป็นช่องทางในการเดินทางเข้ามาแจ้งจังหวัดที่เป็นภูมิลำเนาทราบ แล้วดำเนินการส่งผู้เดินทางเข้ามาไปกักตัวในจังหวัดตามภูมิลำเนา อย่างไรก็ตาม กรณีเกินความสามารถของจังหวัดที่รองรับ และจำเป็นต้องส่งตัวผู้เดินทางไปกักกันในจังหวัดอื่น ให้จังหวัดแจ้งกระทรวงมหาดไทยทราบและพิจารณาล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 1 วันก่อนการเดินทาง