สมปอง อุมา หรือไก่ หนุ่มโรงงานวัย 35 ปี ใช้เวลาในวันหยุด เสาร์ – อาทิตย์ กับสร้างรายได้เสริมด้วยการเล่นดนตรีเปิดหมวก จุดเด่นที่ทำให้เขาแตกต่างและเป็นที่สนใจจากนักดนตรีเปิดหมวกทั่วไป ก็คือ การเล่นเครื่องดนตรีหลากหลายชิ้นในเวลาเดียวกัน ทั้งร้องเพลง ดีดกีตาร์ เป่าเมาท์ออร์แกน และตีกลอง
เขาเล่าที่มาที่ไปของไอเดียสุดบรรเจิดนี้ ให้กับทีมข่าว 'วอยซ์ออนไลน์' ฟังว่า ย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มีโอกาสฝึกเล่นกีตาร์ เมื่อเริ่มเล่นได้ระดับนึงแล้ว ก็ตัดสินใจไปเล่นดนตรีเปิดหมวกตามสถานที่ต่างๆ เนื่องจากเป็นคนขี้อาย และอยากมีความกล้าแสดงออก ซึ่งตอนนั้นมีเพียงกีตาร์หนึ่งชิ้น เล่นเพลงได้ประมาณ 4-5 เพลง ก็เริ่มจะเล่นซ้ำๆ แล้ว และรู้สึกว่าน้อยคนมากที่จะสนใจ
สมปอง เล่าต่อไปว่า การเล่นดนตรีด้วยกีตาร์ตัวเดียว รู้สึกว่า ใครๆ ก็สามารถเล่นได้ ก็เลยคิดว่าการเล่นดนตรีเปิดหมวกจะต้องมีอะไรที่แปลก เป็นสีสัน หรือมีเอกลักษณ์ให้คนมาดูให้ได้ หลังจากนั้นก็เลยไปหาว่าอุปกรณ์อะไรที่สามารถนำมาเล่นด้วยได้ ก็เลยไปเจอเมาท์ออร์แกน ฝึกเล่นด้วยตัวเอง หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต และดูคลิปจากยูทูปอยู่ประมาณ 2-3 อาทิตย์ ก็สามารถเล่นได้ หลังจากนั้นก็เริ่มมาที่จังหวะเท้า ใช้แทมโบลีนที่เขาใช้เขย่า ก็เอามาเหยียบ เล่นไปก็ใช้เท้าเคาะจังหวะไป ก็สร้างสีสันในการเล่นดนตรีเปิดหมวกได้มากขึ้น
จากเครื่องดนตรี 3 ชิ้น สมปองยังไม่หยุดค้นหาวิธีการเล่นดนตรีเปิดหมวกแบบแปลกๆ จนไปเจอคลิปของนักดนตรีต่างประเทศ ที่มีชื่อว่า กลุ่ม One Man Band ซึ่งมีผู้ชายหนึ่งคน แบกกลองไว้ที่หลัง ดีดกีตาร์ ร้องเพลง กลายเป็นแรงบันดาลใจและที่มาของคำว่า ‘สมปอง เดี่ยวดนตรี’
หนุ่มร่างเล็ก เล่าต่อไปว่า เมื่อได้เห็นคลิปนี้ก็เกิดเป็นแรงบันดาลใจ อยากจะเล่นเหมือนเขาบ้าง เลยลงทุนไปซื้อกลองชุดมา 1 ชุด ราคาเกือบ 1 หมื่นบาท ซึ่งส่วนตัวก็ตีกลองไม่เป็น คิดแล้วคิดอีกว่าจะลงทุนชำแหละกองดีหรือเปล่า แต่เมื่อได้ดูคลิปของเขาซ้ำไปซ้ำมา แล้วเกิดจินตนาการ ขยับเท้าตามเขาดู เลยคิดว่ามันน่าจะได้ ก็เลยลงมือออกแบบ ดีไซน์ ให้กลองชุด 1 ชุด จะสามารถแบกอยู่บนหลังได้อย่างไร จึงค้นพบและเริ่มประดิษฐ์ด้วยกลไกเส้นเชือก ผูกไม้กลองแต่ละชิ้น ออกแบบให้สามารถกระทบชิ้นต่างๆ ได้ ไว้กับขา และค่อยๆ ทดลองว่าเมื่อขยับเท้าขวาเป็นเสียงอะไร เท้าซ้ายเป็นเสียงอะไร หรือจะส่งแฉต้องทำอย่างไร
เขาเผยว่า ต้องใช้เวลาในการฝึกตีกลอง ประมาณ 6 เดือน กว่าจะเล่นได้ 1 เพลง ค่อนข้างยาก แต่ด้วยความที่ค่อยๆ ฝึกเล่นทีละอย่าง ก็อาศัยความเคยชิน และเมื่อนำเครื่องดนตรีทุกชิ้นมาเล่นด้วยกันแล้ว แต่ละเพลงต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์ เริ่มจาก ร้องเพลง ดีดกีตาร์ และเมื่อพอใส่กลองเข้ามา ทุกอย่างต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด เพราะว่าตัวโน้ตของแต่เครื่องดนตรีก็ไม่เหมือนกัน ซึ่งตรงนี้ต้องอาศัยความอดทนและความทุ่มเท ต้องให้เวลากับเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น
“ผมไม่ได้จำตัวโน้ต ผมใช้ความเคยชิน อยู่กับอุปกรณ์ของมัน มันก็เกิดจากความเคยชิน แล้วก็ความทุ่มเทให้มัน ถ้าเกิดเรามีความสามารถมาก แสดงว่าเรามีความทุ่มเท มีเวลาให้กับมันมาก”
ขณะเดียวกัน สมปองยังเชื่ออีกว่า นอกจากความแตกต่างในการเล่นดนตรีของเขาที่ทำให้คนชื่นชอบแล้ว รอยยิ้มของเขาขณะเล่น ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบเช่นกัน เขาบอกว่า เวลาเล่นดนตรี ผมก็จะยิ้ม เขาอาจจะชอบรอยยิ้มของผม ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเล่นดนตรี ผมไม่เคยยิ้มเลย จะหน้าบูด เพราะว่าสมัยก่อนแบกกลองอันใหญ่ มีน้ำหนักมาก ยิ้มไม่ไหว แต่พอเล่นไปเล่นมา คนดูก็ชอบบอกว่ายิ้มหน่อยๆ ตอนแรกก็ฝืนยิ้ม แต่พอยิ้มแล้ว แม้จะเหนื่อย แต่ว่าเราสามารถทำให้คนดูมีความสุข และมอบรอยยิ้มกลับมาได้ ก็ทำให้ผมมีความสุขในการเล่นดนตรีเช่นกัน
แม้ว่าสมปอง จะเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ผ่านการแชร์คลิป และไลฟ์ ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจของตัวเอง แต่เขาบอกว่า ไม่คิดที่อยากจะมีค่าย หรือสังกัดเป็นของตัวเอง เพราะว่าจากการประเมินตัวเองเบื้องต้น พบว่าจุดเด่นก็คือการเล่นดนตรีแปลกๆ แต่คุณภาพเรื่องเสียงอาจจะสู้คนอื่นไม่ได้ แต่หากมีโอกาสก็อยากจะมีซิงเกิลเป็นของตัวเอง เพื่อเป็นตัวชี้วัดว่ามีคนชื่นชอบมากแค่ไหน แต่ถ้าให้เป็นเหมือนศิลปินใหญ่ๆ ก็ไม่ได้ฝันไว้ขนาดนั้น แค่ได้เล่นดนตรีเปิดหมวก มองเห็นความสุขจากคนที่มาดู ยิ้มให้ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
“สำหรับใครที่คิดอยากจะทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเกิดตั้งใจที่จะทำ ก็ทำเลย อย่ารอ แล้วมาคิดที่หลังว่า เฮ้ย รู้งี้ทำซะตั้งแต่แรกก็ดี อย่ารอให้มันสายเกินไปครับ จะประสบความสำเร็จมาก ประสบความสำเร็จน้อย แต่อย่างน้อยเราก็ได้ลงมือทำแล้ว” สมปอง กล่าวปิดท้าย