ไม่พบผลการค้นหา
ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศ สธ. กำหนดให้ 4 ประเทศ 'เกาหลีใต้-จีน-อิตาลี-อิหร่าน เป็นท้องที่นอกราชอาณาจักรเป็นเขตติดต่ออันตรายจากโรคโควิด-19 ชี้หากสถานการณ์สงบลงค่อยประกาศยกเลิกเป็นเขตติดต่ออันตราย

เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) พ.ศ. 2563 ลงนามโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ได้แพร่อย่างรวดเร็วและกว้างขวางไปหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ประกอบกับเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2563 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การระบาดของโรคดังกล่าวเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public health emergency of international concern (PHEIC)) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคำแนะนำของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจึงได้ประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) เป็นโรคติดต่ออันตราย ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 

อย่างไรก็ดี ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดต่อของโรคดังกล่าวที่มากับผู้เดินทางจากนอกราชอาณาจักร ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคที่อาจจะเข้ามาภายในราชอาณาจักร และเพื่อให้การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคำแนะนำของคณะกรรมการด้านวิชาการจึงเห็นสมควรประกาศกำหนดให้ท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ซึ่งหากสภาวการณ์ของโรคดังกล่าวสงบลงหรือมีเหตุอันสมควรจะได้มีการประกาศยกเลิกเขตติดโรคติดต่ออันตรายต่อไป

ทั้งนี้ประกาศดังกล่าวให้มีผลใช้บังคับในวันที่ 6 มี.ค. 2563 ให้ท้องที่นอกราชอาณาจักร ดังต่อไปนี้ เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) โดย 4 ประเทศนอกราชอาณาจักร ประกอบด้วย 1.สาธารณรัฐเกาหลี (Republic of Korea) 2.สาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Republic of China) รวมถึงเขตบริหารพิเศษมาเก๊า(Macao) และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (Hong Kong) 3.สาธารณรัฐอิตาลี (Italian Republic) และ 4.สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน (Islamic Republic of Iran)