ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลย้ำมาตรการสนับสนุนการ ‘ไม่เผา’ ได้ผล เกษตรกรกว่าร้อยละ 90 ปฏิบัติตาม ด้าน ปภ.ช. เผย วันนี้ ตอนบนของประเทศ อีสาน ตะวันออก และกลาง รวม กทม. ปริมณฑล ได้รับอิทธิพลฝน ช่วยลดฝุ่น ส่วนภาคเหนือบางจุดยังค่าเกิน ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ตั้งเป้าพร้อมขอความร่วมมือเข้มข้น ลด Hotspot

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ปรับตัวดีขึ้น โดยวันนี้ในภาคใต้ดีขึ้นและอยู่ในค่ามาตรฐานทุกจังหวัด แต่ยังต้องเฝ้าระวังในพื้นที่อีสานตอนล่าง ภาคตะวันตกที่กาญจนบุรี และที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ที่มีจุดความร้อนมากที่สุด ปริมาณฝุ่นสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะจังหวัดพะเยา ลำปาง แพร่ น่าน 

ด้านสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า รายงานสถานการณ์ วันนี้พบจุดความร้อน (Hotspot) 2,021 จุด โดยพื้นที่จังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 10 ลำดับแรก คือ ลำปาง ตาก กาญจนบุรี อุตรดิตถ์ แพร่ อุทัยธานี กำแพง พะเยา เชียงใหม่ และลำพูน ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่า 

ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศวันนี้ มีมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้มีฝนในพื้นที่ กทม. โดยช่วงเช้าพื้นที่ที่มีปริมาณฝนสะสมสูงสุด ได้แก่ เขตราษฎร์บูรณะ วัดได้ 70 มิลลิเมตร รองลงมา เขตบางคอแหลม 53.5 มิลลิเมตร 

นายจิรายุ ยังกล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านออกมากล่าวว่า มาตรการห้ามเผาในพื้นที่การเกษตรเพื่อแก้ปัญหา PM2.5 และมาตรการจัดการฝุ่นของนั้นไม่มีแผนรองรับ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลสนับสนุนวิธีการทำนาแบบไม่เผาอย่างเป็นระบบ โดยขอความร่วมมือเกษตรกรงดเผาให้หันมาเลือกใช้วิธีไถกลบ และสนับสนุนการใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายฟางข้าวและเศษวัสดุการเกษตร ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้ส่งเกษตรอำเภอ เกษตรจังหวัด ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพราะเรื่องฝุ่นกระทบทุกบ้านทุกคน ไม่ใช่แค่คนใดคนหนึ่ง พร้อมรับฟังปัญหาที่สะท้อนมา ซึ่งต้องอาศัยเวลาและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ซึ่งตลอด 1 - 2 เดือนที่ผ่านมาได้รับการตอบรับในนโยบายทั้งการสนับสนุนเงินชดเชยและรูปแบบต่าง ๆ จากเกษตรกรอย่างเต็มที่

แผนที่ฝุ่น จิสด้า.png