ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลอังกฤษสั่งระงับการฝึกร่วมระหว่างทหารอังกฤษกับตำรวจฮ่องกง เนื่องจากกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา แต่เมื่อโรคระบาดหายไปแล้ว จะพิจารณาความสัมพันธ์ทางการทหารและความมั่นคงระหว่างกันอีกครั้ง หลังจีนบีบฮ่องกงมากขึ้น

กระทรวงกลาโหมของอังกฤษสั่งระงับไม่ให้เจ้าหน้าที่กองทัพอังกฤษไปร่วมฝึกกับตำรวจ หน่วยงานช่วยเหลือด้านการบิน และหน่วยนายร้อยทหารเรือของฮ่องกง ไม่นานหลังจากที่อังกฤษตัดสินใจระงับการส่งออกอุปกรณ์ควบคุมมวลชนไปให้ฮ่องกง

โฆษกกระทรวงกลาโหมของอังกฤษกล่าวว่า รัฐบาลอังกฤษชัดเจนว่าการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของจีนในฮ่องกงถือเป็นการละเมิดปฏิญญาร่วมจีน-อังกฤษ ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในฮ่องกง ในช่วงที่มีวิกฤตโควิด-19 ระบาดจึงขอระงับการฝึกทั้งหมดกับเจ้าหน้าที่ขากฮ่องกง และจะมีการทบทวนข้อตกลงระหว่างอังกฤษและฮ่องกงอีกครั้ง หลังจากโรคระบาดสิ้นสุดลงแล้ว

ฮ่องกงผ่านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติออกมาใช้เมื่อปลายเดือน มิ.ย. ซึ่งกฎหมายนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นกฎหมายที่กดขี่สิทธิเสรีภาพของชาวฮ่องกง ให้อำนาจแก่ตำรวจมากเกินไป และมีโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต และเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่กฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ ทางการฮ่องกงก็ไล่ปราบปรามนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในฮ่องกงหลายคนด้วยกฎหมายนี้ จนทำให้อังกฤษ ออสเตรเลีย และแคนาดาตัดสินใจยุติข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับฮ่องกง

ที่ผ่านมา ชาวอังกฤษได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของกองทัพอังกฤษในการฝึกฝนทหารในต่างประเทศ กระทรวงกลาโหมของอังกฤษจึงเปิดเผยข้อตกลงที่กองทัพอังกฤษทำไว้กับประเทศอื่นทั่วโลก เช่น การฝึกหน่วยคอมมานโดกับฟิลิปปินส์ การฝึกเจ้าหน้าที่ในจีนและอียิปต์ และการฝึกทหารในคาซักสถาน อุซเบกิสถาน ศรีลังกา แคเมอรูน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย โอมาน บาร์เรน และไนจีเรีย โดยมีถึง 26 ประเทศที่ถูก Freedom House จัดอันดับว่าเป็นประเทศที่ “ไม่เสรี”

แอดรูว์ สมิธ จากกลุ่มแคมเปญต่อต้านการค้าอาวุธกล่าวว่า กองทัพหลายประเทศที่อังกฤษช่วยฝึกมีประวัติด้านสิทธิมนุษยชนที่ย่ำแย่ และยังมีส่วนรับผิดชอบในการใช้กฎหมายที่รุนแรงและกดขี่ การกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือกัยประเทศเหล่านี้เป็นการทำให้อังกฤษเข้าไปมีส่วนร่วมกับการละเมิดสิทธิเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงกลาโหมของอังกฤษระบุว่า กิจกรรมด้านกลาโหมทั้งหมดที่ทำร่วมกับประเทศอื่นถูกออกแบบมาเพื่อให้ความรู้ในเรื่องที่จำเป็น สำหรับการปฏิบัติการที่ดีที่สุดและสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศด้านมนุษยธรรม และความสัมพันธ์ด้านกลาโหมก็ถูกพิจารณาตามแต่ละประเทศ

ที่มา : The Guardian, The News