เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2566 พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานนโยบายพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย พิชัย นริพทะพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และกรรมการ เลขานุการ และโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กฤตนัน สุทธิธนาเลิศ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายกระจายอำนาจ พรรคเพื่อไทย ธนวรรษ เพ็งดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พบผู้ประกอบการ จ.ขอนแก่น เพื่อแลกเปลี่ยนในประเด็นเขตธุรกิจใหม่ (New business zone) ซึ่งขอนแก่นเป็น 1 ใน 4 จังหวัดเขตธุรกิจใหม่นำร่อง ซึ่งได้แก่ ขอนแก่น เชียงใหม่ สงขลา และ กทม. ร่วมกับหอการค้า จังหวัดขอนแก่น ,สภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น , ธนาคารแห่งประเทศไทยสำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, สมาคมATSME , คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น , สมาคมท่องเที่ยวและไมซ์จังหวัดขอนแก่น ,สมาคมศิษย์เก่า MBA คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ชมรมธนาคาร, กลุ่ม YEC (Young Enterpreneur Chamber of commerce) นักธุรกิจรุ่นใหม่ และผู้นำองค์กร สมาคม ชมรม และผู้ประกอบการในจังหวัดขอนแก่น ที่ โรงแรมบายาสิตา มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ทั้งนี้ ตัวแทนของผู้ประกอบการ ได้สอบถาม และยื่นหนังสือและแผนการพัฒนาเมืองขอนแก่นในหลายด้าน เช่น
1.หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล อยากให้ผลักดันเขตเศรษฐกิจดิจิทัลพิเศษ ซึ่งจัดร่างโครงการแล้ว แต่ถูกระงับไว้
2.อยากให้ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ระดับจังหวัด โดยขอนแก่น มีกองทุนเมืองหนัง จึงอยากให้พรรคเพื่อไทยส่งเสริม
3..อยากให้รัฐบาลเพื่อไทย ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงตลาดทุน อยากให้เอาเครื่องมือคนรวยมาแบ่งคนจน
4.อยากให้มีโครงการ ‘เกิดมาก็ออมแล้ว’ เด็กไทยเกิดมาจะมีเงินออม โดยหักจากภาษี Vat ในจำนวนระดับ 0.001-0.005% เมื่ออายุ 20 ปี ให้เด็กตัดสินใจในเงินออมเอง
5.ขอพื้นที่แหล่งน้ำในชาวขอนแก่น
6.ส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ
7.สนามบินขอนแก่นมีความพร้อมเปิดเส้นทางบินต่างประเทศได้
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานนโยบายพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แนวคิดของเขตธุรกิจใหม่ (New business zone) เป็นอีกนโยบายหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจไปในระดับภูมิภาค โดยเขตธุรกิจใหม่ จะขยายตัวได้ด้วยการนำเอาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงการศึกษา ต้องเชื่อมเข้าด้วยกันกับภาคธุรกิจ และภาคเอกชนที่มีความพร้อม ซึ่งเขตธุรกิจใหม่จะเป็นอีกกลไกหนึ่งในการกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นนโยบายหลักสำคัญของพรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยมองเห็นว่าภาคการบริการ เมื่อรวมเข้ากับมาตรฐานการรักษาพยาบาลของไทยที่เทียบเท่าระดับโลก เป็นโอกาสสำคัญในการสร้างรายได้เข้าประเทศ ที่สามารถเพิ่มการท่องเที่ยวในระยะยาว (Long stay) ในไทยมากขึ้น สร้างเม็ดเงินจับจ่ายในท้องถิ่นมากขึ้น ส่วนประเด็นเรื่องแหล่งน้ำ พรรคเพื่อไทย ได้จัดสรรงบประมาณในการบริหารจัดการน้ำท่วมน้ำแล้งแล้ว หากได้เป็นรัฐบาลพร้อมทำทันที ขณะที่การส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ พรรคเพื่อไทยมีโครงการโคเงินล้าน ที่มีการจัดหาแหล่งเงินทุน และตลาดส่งออก รวมทั้งเตรียมจัดตั้งหน่วยงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ (THACCA) ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ขอนแก่นมีอยู่แล้วด้วย
‘พรรคเพื่อไทย หัวใจคือประชาชน เรามานำเสนอนโยบาย ท่านเสนอแนะ ผมจดไว้ ซึ่งหลายเรื่องเรามีคำตอบแล้ว เราอยากมีส่วนประกอบของเอกชนเข้าไปปลดเปลื้องโครงสร้างของรัฐ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการให้มากขึ้น’ นพ.พรหมินทร์ กล่าว
พิชัย นริพทะพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจเติบโตเพียงแค่ 1% ส่วนเศรษฐกิจดิจิตัลไทยมีมูลค่าต่อจีดีพีเพียง 10% ในขณะที่ต่างประเทศอยู่ที่ 30-40% ดังนั้นการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลยังมีโอกาสมูลค่าเพิ่มให้ประเทศได้ พร้อมย้ำว่าหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลครั้งแรกจะลดค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ซทันทีในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก ยืนยันเราพูดภายใต้หลักคิดที่สามารถทำได้จริง
ปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เขตธุรกิจใหม่ เราให้ความสำคัญมาก หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเราจะให้ความสำคัญกับภูมิภาค และมีความพร้อมที่จะเจรจาการค้ากับลาว จีน ฯลฯ ซึ่งเรามีความชำนาญและจะเร่งดำเนินการทันทีที่เป็นรัฐบาลแน่นอน เหมือนเช่นที่เคยเจรจา FTA กับประเทศต่างๆ มาแล้ว รวมทั้งเพิ่มเติมการเตรียมความพร้อมเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลแบบครบวงจร ซึ่งพรรคเพื่อไทยพร้อมดำเนินการ
เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และกรรมการ เลขานุการ และโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีอุปสรรคในการทำธุรกิจ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านกฎหมายที่เป็นข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจ , สิทธิประโยชน์กระจุกตัวในเขตที่รัฐใช้ในการสร้างขึ้นมา หรือ อีอีซี และปัญหาด้านแรงงาน ทั้งแรงงานทักษะสูง และแรงงานทักษะต่ำ ทั้งนี้การกิโยตินกฎหมายใช้เวลานาน จึงต้องตีกรอบเชิงพื้นที่ และมีกฎหมายที่ดึงดูดในพื้นที่นั้น โดยเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยไม่เลือกใช้อีอีซี เพราะให้สิทธิประโยชน์เฉพาะกับนักลงทุนต่างชาติ ทำเพียงส่วนเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหาทั้ง 3 ด้านข้างต้น ดังนั้นพรรคเพื่อไทยมีทางออก 3 ใหม่ ดังนี้
1. มีกฎหมายธุรกิจชุดใหม่ เราร่างแล้วมี 67 มาตรา มีความเฉพาะเชิงพื้นที่
2. สิทธิประโยชน์ใหม่ เช่น ภาษีสำหรับแรงงาน ภาษีที่ดิน ภาษีนำเข้าและส่งออก
3. โครงสร้างพื้นฐานใหม่ เช่น โครงส้รางพื้นฐานการบิน ที่ จ.เชียงใหม่ สุวรรณภูมิ ขอนแก่น ภูเก็ต
“เรามีกรอบการทำงาน รายละเอียด เรามาคุยกัน เพื่อให้รายละเอียดมีความยืดหยุ่น เพื่อประโยชย์สูงสุดของพวกท่าน” ดร.เผ่าภูมิ กล่าว
ธนวรรษ เพ็งดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กฎหมายที่เราร่างขึ้น คัดเลือกเอากฎหมายที่ดีจากบีโอไอ การนิคมอุตสาหกรรม มีหลักนิติธรรมระบุชัดในกฎหมาย มีการใช้ระบบอนุญาโตตุลาการ ในกรณีที่ภาคเอกชนมีข้อขัดแย้งกัน และขจัดอุปสรรคไม่อยากให้ใครเป็นฝ่ายโจทย์ จำเลย ต่างชาติที่มาลงทุนจะได้รับความรุ้มครองและได้รับความยุติธรรม นำมาซึ่งการฟ้องร้องเสียหาย สร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติได้ เพราะไม่ต้องจ่ายใต้โต๊ะ ต่างชาติที่มาลงทุนมีความมั่นใจ
“ เขตธุรกิจใหม่ จะมีบอร์ด New business zone และมีคณะกรรมการของท้องถิ่น เมื่อต้องมีการขออนุมัติโครงการใหม่ๆ สามารถทำได้ในท้องถิ่นทันที ไม่ต้องวิ่งไปที่ส่วนกลาง ลดเวลาและป้องกันการจ่ายใต้โต๊ะ” ธนวรรษ กล่าว
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังได้เยี่ยมชมอาคารอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นแหล่งรวมหน่วยงานวิจัยและพัฒนาด้านเกษตร วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม จำนวนมาก เช่น ห้องปฏิบัติการฟีโนมนานาชาติแห่งมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นต้น