ไม่พบผลการค้นหา
ตำรวจกองปราบ ยันเอาผิด “สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ติดสินบนเจ้าพนักงานทุจริตที่ดินทรัพย์สินฯได้แน่

'สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ' ประธานบริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด น้องชาย 'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วยทนายความ เข้ารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามกองบัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามหมายเรียกฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 กรณีถูกกล่าวหาติดสินบนเจ้าพนักงานคดีทุจริตที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

ด้าน พล.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม ระบุว่า พนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อกล่าวหาสกุลธร แต่ยังไม่มีการควบคุมตัว ซึ่งขึ้นกับผู้ถูกกล่าวหาจะให้การอย่างไร พร้อมยืนยันว่าตำรวจมีพยานหลักฐานในสำนวนและเชื่อว่าสกุลธร ทำผิดตามข้อกล่าวหาจริง จึงได้ออกหมายเรียก เบื้องต้นคดียังมีเพียง 'สกุลธร' เพียงคนเดียวที่ถูกออกหมายเรียกมาให้ปากคำ ส่วนคนอื่นๆหากพบ มีส่วนเกี่ยวข้องหรือ ถูกพาดพิงถึง ก็จะดำเนินการออกหมายเรียกด้วยเช่นกัน

โดยสกุลธร ได้ถูกสอบปากคำเป็นเวลา 5 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 10:30 น.-15:30 น. หลังจากที่มีการสอบปากคำเสร็จสิ้น สกุลธรเปิดเผยสั้น ๆ ว่า ไม่มีอะไรจะชี้แจงเป็นพิเศษ และคิดว่าทำในสิ่งที่ถูกต้องคือการช่วยเหลือราชการ และให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา



ย้อนกรณีอัยการไม่ฟ้องคดี

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2563 'อิทธิพร แก้วทิพย์' โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมคณะได้แถลงกรณีสั่งไม่ฟ้อง สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในคดีดังกล่าว โดยโฆษกอัยการสูงสุด ชี้แจงข้อเท็จจริงคดีนี้ว่า สำนวนของพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม มีผู้ต้องหา 1. ประสิทธิ์ อภัยพลชาญ 2.สุรกิจ ตั้งวิทูวนิจ ฐานร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร เรียกรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ โดยเกิดขึ้นระหว่าง เดือน มี.ค.-พ.ย. เมื่อปี 2560 ตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 76/2562 ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นนายหน้าค้าที่ดินอิสระ อ้างว่าได้ไปพบ สกุลธร พร้อมเอกสารที่ดิน 2 แปลงซึ่งอยู่ในสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ วงเงิน 500 ล้านบาท

ต่อมาผู้ต้องหาให้การว่า สกุลธร ได้ติดต่อว่าจ้างให้ทำสัญญาเช่า ก่อนที่ผู้ต้องหาทั้งสองเข้ายื่นขอสัญญาเช่าและดำเนินการตามกระบวนการ โดย สกุลธน จ่ายทั้งหมด 3 งวด รวม 20 ล้านบาท ต่อมาสำนักทรัพย์สินฯ ทราบข้อเทจจริงจึงมอบอำนาจ อิศรา จานุวณิชกุล ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสอง โดยในขั้นตอนพนักงานสอบสวนไม่ได้กล่าวหา 'สกุลธร' ทว่าในรายงานได้สรุปว่าประสงค์รวบรวมหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีสกุลธร ตามกฎหมายต่อไป

ขณะที่ผู้ต้องหาทั้งสองศาลคดีทุจริตและคดีประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2562 จำคุกคนละ 6 ปี เหลือคนละ 3 ปี เนื่องจากผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยไม่มีการยื่นอุทธรณ์ จึงถือว่าสิ้นสุด

"ดังนั้นตามที่มีรายงานว่าอัยการไม่ได้ฟ้องนายสกุลธร จึงถือว่าไม่มีข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎ เรื่องแรกตัวสกุลธรไม่ได้เป็นผู้ต้องหา ในสำนวนคดีนี้เพื่อพิสูจน์ความผิดของนายประสิทธิ์และนายสุรกิจเท่านั้น ไม่ได้มีการตั้งนายสกุลธรเป็นผู้ต้องหา ดังนั้นพนักงานอัยการจึงไม่มีอำนาจสั่งฟ้อง..

"ประการที่สองข้อเท็จจริงของการจ่ายเงินที่นำเรียนไป มันเป็นข้อเท็จจริงจากตัวผู้ต้องหาที่ 2 ยังไม่มีการสอบพยานอื่นเพื่อที่จะยืนยันว่า มันเป็นความจริงมากน้อยเพียงใด และยังไม่มีการสอบข้อเท็จจริงจากนายสกุลธรว่า เขาได้จ่ายเงินจริงเท็จอย่างไร" โฆษก ระบุ

อ่านเพิ่มเติม