ไม่พบผลการค้นหา
แอปฯ ส่งข้อความของจีน WeChat เซ็นเซอร์การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเกี่ยวกับฮ่องกง แม้ผู้ใช้งานจะเป็นชาวจีนสัญชาติอเมริกันที่อยู่ในสหรัฐฯ ก็ตาม

ชัยชนะของผู้สมัครฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยในการเลือกตั้งท้องถิ่นของฮ่องกงที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สร้างกระแสฮือฮาไปทั่วโลก เพราะเป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้คนจำนวนมากยังสนับสนุนประชาธิปไตย และพร้อมแสดงความคิดเห็นของพวกเขาผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้

บทสนทนาเกี่ยวกับชัยชนะครั้งนี้รวมไปถึงกระแสการออกมาแสดงความคิดเห็นและพูดคุยกันถึงประเด็นดังกล่าวในแอปพลิเคชันส่งข้อความอันดับหนึ่งของจีนอย่าง WeChat ซึ่งล่าสุดเว็บไซต์ข่าวด้านเทคโนโลยี The Verge ได้รายงานว่าขณะนี้มี ชาวจีนสัญชาติอเมริกันจำนวนมากที่ไม่สามารถแสดงความเห็นสนับสนุนชัยชนะของฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยของฮ่องกง ในแอปฯ WeChat ได้อีกต่อไป 

The Verge ระบุ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าขณะนี้ WeChat ได้เดินหน้าเซ็นเซอร์บทสนทนาทางการเมืองของผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน อีกทั้งยังทำการระงับการใช้งานทันทีเมื่อเห็นว่าผู้ใช้งานแสดงความเห็น 'สนับสนุน' ความเคลื่อนไหวนี้ แม้ว่าผู้ใช้งานที่ว่าจะอยู่ในสหรัฐฯ ไม่ใช่จีนแผ่นดินใหญ่ก็ตาม

000_1MJ7L6.jpg

ปิน เซี่ย นักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยข้อมูลจากศูนย์มะเร็ง MD Anderson ในเมืองฮูสตัน มลรัฐเท็กซัสของสหรัฐฯระบุว่า ผู้ใช้งาน WeChat ที่สนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง 'หาย' ออกไปจากแอปฯก่อนจะถูกดำเนินการสั่งปิดบัญชีในภายหลัง โดยเขาเป็นหนึ่งในนั้น และตอนนี้ก็ได้มารวมตัวกับผู้ใช้งาน WeChat คนอื่นๆเพื่อวิเคราะห์ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและหาวิธีการหยุดยั้งการแทรกแซงนี้

"ถ้าคุณจะเซ็นเซอร์ในจีน ไม่เป็นไร แต่จะมาเซ็นเซอร์ในสหรัฐฯเนี่ยนะ? แม้ผมจะเป็นฝ่ายรีพับลิกัน แต่ใน WeChat ผมก็ต้องทนทุกข์ไม่ต่างจากฝ่ายเดโมแครตที่ใช้แอปฯนี้เช่นกัน"

อีกหนึ่งผู้ใช้งาน WeChat ที่อยู่ในมลรัฐมินนิโซตาของสหรัฐฯกล่าวว่า เขาใช้วิธีในการ โพสต์ข้อความต่างๆบนโซเชียลมีเดียและในแอปฯที่ดูเผินๆแล้วเหมือนจะเป็นการสนับสนุนรัฐบาลจีน แต่เขาเลือกใช้คำแบบ 'ส่งโค้ดลับ' ในลักษณะที่ทำให้ผู้อ่านรู้ว่าจริงๆแล้วเขากำลัง 'พูดถึงอะไรอยู่กันแน่' เพราะฉะนั้นชาวจีนที่ได้เห็นข้อความของเขาจะทราบในทันทีว่าจริงๆแล้วเขาสนับสนุนฝ่ายใด

WT_wechat.jpg

ทั้งนี้ บริษัท เท็นเซ็นต์ คือเจ้าของแอปพลิเคชัน WeChat ซึ่งเป็นแอปฯส่งข้อความที่ถูกใช้อย่างกว้างขวางในจีนแผ่นดินใหญ่ อีกทั้งยังเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียขนาดใหญ่ และเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเผยแพร่ข่าวสารต่างๆสู่ประชาชน

มีการเปิดเผยข้อมูลจากศูนย์วิจัย Citizen Lab ซึ่งชี้ว่าทาง บริษัทเทนเซ็นต์ได้พัฒนาแอปฯนี้ขึ้นมา 2 เวอร์ชั่นแบบคู่ขนาด แบบแรกเป็นแบบที่มีข้อจำกัดและการเซ็นเซอร์สูงมากสำหรับผู้ใช้งานชาวจีน ส่วนแบบที่สองคือเวอร์ชั่นที่มีกฎเกณฑ์น้อยกว่าสำหรับผู้ใช้งานชาวต่างชาติ 

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ใช้งานที่เป็นกลุ่ม 'ชาวจีนสัญชาติอเมริกัน' หรือ Chinese American นั้น มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะถูกจัดไว้ในกลุ่มชาวจีนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากพวกเขาเคยลิงก์ข้อมูลบัญชี WeChat เข้ากับหมายเลขโทรศัพท์ในประเทศจีนมาก่อนแล้ว โดยในขณะนี้ทางเท็นเซ็นต์เองยังไม่ออกมาแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด