วันที่ 3 ก.ค. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 วาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชี้แจง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่อภิปรายว่า นายกรัฐมนตรีมองคนเห็นต่างเป็นศัตรู โดย พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า ยินดีกับคำกล่าวของสมาชิก เห็นทุกคนดีใจกันใหญ่ ยกไม้ยกมือกันสุดยอด อันนี้เป็นเรื่องความเห็นของท่าน กับความเห็นของตน และความเห็นของประชาชนท่านก็บอกแล้ว ตนไม่เคยมองคนเห็นต่างเป็นศัตรู แต่มีคนบางคนมองกฏหมายเป็นศัตรูทุกกฎหมาย โดยพฤติกรรมอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ ตนก็ไม่ขอกล่าวอะไรต่อไป ส่วนเรื่องตอบคำถามตนไม่อยากตอบแล้ว เพราะเป็นการพูดซ้ำไปซ้ำมา ทุกคนใช้คำถามเก่าและโจมตีประเด็นเดิมๆ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า ได้ไปอ่านหนังสือจากเล่มหนึ่ง ว่าประชาชนที่สงสัยจะทำให้ประเทศแข็งแกร่งนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ขอสงสัยต้องมีข้อยุติ ถ้าหาข้อสรุปไม่ได้ ก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม ซึ่งเราจะต้องดูว่าเราจะร่วมมือกันอย่างไร ระหว่างท่าน รัฐบาลและนักการเมือง มากกว่าจะเอาอันใดอันหนึ่งมาตัดสิน
"ผมทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ส. ซึ่งดูแลประชาชนทุกพื้นที่ แต่จะเอาขอท่านดีแค่พื้นที่เดียวไม่ได้ หัวหน้ารัฐบาลต้องคิดแบบนี้ จังหวัดพร้อมก็ต้องให้งบประมาณ จังหวัดไหนไม่พร้อมก็สร้างคนก่อน อย่าเอาหลายเรื่องมาสับสน มันก็เหมือนกับล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ก็ต้องถามประชาชน ผมก็ถามของผม ท่านก็ถามของท่าน ต่างคนต่างถาม แล้วเขาพอใจหรือไม่พอใจ หลายท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ผมยอมรับว่าเขาพูดเก่ง แต่อย่ามากล่าวหาว่าผมใช้กฎหมาย ไปกับผู้เห็นต่าง กฎหมายก็อยู่ของกฎหมายเฉยๆ ผมก็นั่งอยู่ของผมเฉยๆ ใครผิดกฎหมายก็โดนลงโทษ จะให้ผมทำยังไง ให้ผมสั่งเขาได้ใช่ไหม ถ้าผมสั่งได้คงไม่เป็นแบบนี้ แต่ผมไม่ได้สั่ง ระวังตัวบ้างก็แล้วกัน กฎหมายมันมีผลบังคับใช้หมดทุกคน แม้กระทั่งผมเอง ผมก็ยอมรับกฏหมาย อย่ามาย้อนกลับไปวันก่อนนั้นอีก ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ให้กลับไปย้อนดู อย่าลืมอะไรที่มัน ทุกคนก็บอกแล้ว ว่าความต้องการของประชาชนไม่มีสิ้นสุด"
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ท่านอย่าลืมว่าความต้องการของท่าน ได้รับสนองตอบอะไรแล้วบ้างในช่วงที่ผ่านมา ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น แล้วเราจะก้าวต่อไปอย่างไร ถ้าจะก้าวต่อไปแบบนั้น ท่านต้องหาวิธี พูดอย่างเดียวไม่ได้ ซึ่งผมพร้อมที่จะให้หน่วยงาน ปรึกษาหารือกับท่าน แต่ไม่ใช่โต้เถียง ท่านชอบเรียกท้ายทายกันข้างนอก อย่างนี้เรียกว่าท้าทายกัน ถ้าเถียงกันในหลักการ เถียงกันในกฏหมาย อย่างไรก็ไม่จบ
'ก้าวไกล' โวยนายกฯ ขู่ให้ระวังกฎหมาย
ด้านนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ใช้สิทธิพาดพิง ที่นายกรัฐมนตรี พูดว่า ให้ระวังตัวไว้ด้วยก็แล้วกัน ต้องระวังตัวเรื่องอะไรบ้าง และมีอันตรายอะไรกับพวกเราที่ต้องระวังตัว ต้องระวังในด้านไหน ช่วยชี้แจง จะได้เตรียมพร้อมไว้
ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทันทีว่า "คุณไปสร้างความเข้าใจแบบนี้ไม่ได้ ผมบอกว่ากฏหมาย ผมก็ต้องระวังของผม ทุกคนต้องระวังอย่าทำผิดกฏหมาย ความหมายของผมคือแค่นี้ ผมจะไปขู่อะไรท่าน ผมขู่ได้ไหมท่านอะ ขณะกฎหมายท่านยังไม่กลัวเลย แต่ผมกล่าวนะครับ"
นายอมรัตน์ ระบุว่าตีความว่าเป็นการข่มขู่ ถ้ามีคนข้างบ้านมาบอกให้ระวังตัว ตนก็รู้สึกว่าเป็นการข่มขู่
โดยนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ระบุว่าท่านเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว นางอมรัตน์ จึงตอบว่า ตนเข้าใจผิดใช่ไหม ถ้าอย่างนั้น จะได้บอกนายกฯ ว่า "ท่านนายกรัฐมนตรี ระวังตัวไว้ด้วยก็แล้วกัน" นายศุภชัย จึงพูดว่า ก็ต่างคนต่างบอก ให้แต่ละฝ่ายระวังก็จบ
ด้านนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขอให้ประธานควบคุม การพูดคุยของนายกรัฐมนตรี
จากนั้น นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงประธานการประชุม ที่ปล่อยให้นายกรัฐมนตรี พูดโดยไม่ขออนุญาต และไม่ตำหนิ ถ้าเป็นพวกตน ประธานจะจริงจังในการบังคับกติกา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง