ไม่พบผลการค้นหา
คลังเผย ผู้ลงทะเบียน 'ชิมช้อปใช้' 807,321 รายแรก ทยอยรับ SMS ยืนยันรับสิทธิวันนี้ (26 ก.ย.) ลงทะเบียน 4 วันแรกพบคนวัย 31-60 ปี มากที่สุดร้อยละ 54 น้อยสุดวัย 60 ปีขึ้นไปร้อยละ 6 ผู้ลงทะเบียนแจ้งใช้สิทธิท่องเที่ยวใช้จ่ายภาคกลางมากที่สุดร้อยละ 43 ย้ำห้ามแลกวงเงินเป็นเงินสด ขู่พบตัดสิทธิทันที

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยความสำเร็จการเปิดลงทะเบียนรับสิทธิ์มาตรการ 'ชิมช้อปใช้' ในช่วง 4 วันแรก (23-26 ก.ย.) มีผู้สนใจเข้าร่วมเต็มตามโควต้า 1 ล้านคน ในแต่ละวันแล้ว

โดยจากข้อมูลการลงทะเบียนในระหว่างวันที่ 23-26 ก.ย.2562 หากแยกตามกลุ่มอายุพบว่า วัยทำงาน (อายุ 31-60 ปี) มีสัดส่วนมากที่สุดที่ร้อยละ 54 รองลงมาคือวัยเริ่มต้นทำงาน (อายุ 22-30 ปี) ร้อยละ 32 วัยนักศึกษา (อายุ 18-21 ปี) ร้อยละ 8 และผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) ร้อยละ 6 

หากแยกตามพื้นที่ซึ่งผู้ลงทะเบียนต้องการใช้สิทธิ์พบว่า ทั้ง 77 จังหวัดมีผู้แสดงความประสงค์ไปท่องเที่ยวและใช้สิทธิ์ โดยส่วนใหญ่ต้องการใช้สิทธิ์ในภาคกลางคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 43 รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 16 ภาคตะวันออกร้อยละ 15 ภาคใต้ร้อยละ 11 ภาคเหนือร้อยละ 9 และภาคตะวันตกร้อยละ 6

สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2562 หลักจากการตรวจสอบสิทธิ์จากฐานข้อมูลกระทรวงมหาดไทย และตรวจสอบจังหวัดที่แสดงความประสงค์ไปท่องเที่ยวไม่ซ้ำซ้อนกับจังหวัดในทะเบียนบ้านแล้วพบว่า เป็นผู้ผ่านเกณฑ์ 807,321 ราย ซึ่งผู้ได้รับสิทธิ์จะทยอยได้รับ SMS ยืนยันภายในวันที่ 26 ก.ย. 2562 และสามารถเดินทางท่องเที่ยวพร้อมเริ่มจับจ่ายใช้สอยได้ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. ถึง 30 พ.ย. 2562 หลังจากนั้นเงินดังกล่าวจะถูกดึงกลับเข้าระบบอัตโนมัติ

ทั้งนี้ สิทธิ์ที่คงเหลือในแต่ละวันถูกยกไปใช้ต่อเป็นโควตาสำหรับให้ลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ให้ครบโควตารวมตลอดโครงการที่ 10 ล้านราย ดังนั้น ประชาชนจึงสามารถทยอยลงทะเบียนได้ต่อเนื่อง จนถึงวันที่ 15 พ.ย. 2562 

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเน้นย้ำว่า มาตรการ 'ชิมช้อปใช้' ไม่ใช่การแจกเงิน แต่ต้องการให้เกิดการใช้จ่ายในสินค้าและบริการที่กำหนด เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ โดยสิทธิ์ 2 ส่วนคือ วงเงิน 1,000 บาทแรก ในกระเป๋า G-Wallet 1 เพื่อจูงใจให้กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อออกมาท่องเที่ยวข้ามจังหวัด และสิทธิ์การได้รับเงินคืน (cash back) ร้อยละ 15 ของวงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาทในกระเป๋า G-Wallet 2 ซึ่งประชาชนต้องเป็นคนเติมเงินเข้าไปเอง 

ดังนั้น การดำเนินการที่ผิดจากวัตถุประสงค์หรือหากตรวจพบว่ามีธุรกรรมลักษณะผิดปกติ เช่น การรับแลกวงเงินเป็นเงินสด จะถูกระงับสิทธิ์ทันที และจะถูกดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :