ไม่พบผลการค้นหา
ผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งที่ 2/2562 ประกาศปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้เติบโตที่ร้อยละ 3.8 จากเดิมคาดว่าโตร้อยละ 4.0 เนื่องจากอุปสงค์ต่างประเทศชะลอลง ต้องปรับลดคาดการณ์ส่งออกโตร้อยละ 3.0 จากเดิมคาดโตร้อยละ 3.8

นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า กนง. ได้ปรับคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปี 2562 ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.8 จากเดิมคาดโตร้อยละ 4.0 โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ใกล้เคียงกับศักยภาพ แม้ว่าจะชะลอลงกว่าที่ประเมินไว้ เนื่องจากอุปสงค์ต่างประเทศชะลอลง แต่อุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ขณะที่คาดการณ์ จีีดีพีในปี 2563 คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 3.9      

สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ในปีนี้คาดว่าอยู่ที่ระดับร้อยละ 1.0 เช่นเดียวกับประมาณการครั้งก่อนหน้า แต่ปรับลดอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ลงเหลือร้อยละ 0.8 จากเดิมที่คาดไว้ร้อยละ 0.9 โดยมองว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้ มีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะต่ำกว่าที่ประเมินไว้เล็กน้อย ขณะที่คาดว่าในปี 2563 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป จะอยู่ที่ร้อยละ 1.1 ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน จะอยู่ที่ร้อยละ 0.9

ปรับลดคาดการณ์ส่งออกขยายตัวร้อยละ 3.0 จากเดิมร้อยละ 3.8

ด้านการส่งออกสินค้าชะลอลงกว่าที่ประเมินไว้ ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงผลของมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดย กนง.ได้ปรับลดมูลค่าการส่งออกไทยในปีนี้เหลือโตร้อยละ 3.0 จากเดิมคาดโตร้อยละ 3.8 และคาดว่าในปี 2563 การส่งออกจะเติบโตได้ร้อยละ 4.1 

ส่วนมูลค่าการนำเข้าในปีนี้ ปรับลดลงเหลือร้อยละ 3.1 จากเดิมคาดโตร้อยละ 3.8 และประเมินว่าปีหน้าการนำเข้าจะเติบโตได้ร้อยละ 4.8 ขณะที่การท่องเที่ยวยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะอยู่ที่ระดับ 40.4 ล้านคน ส่วนปี 2563 คาดว่าจะอยู่ที่ร 42 ล้านคน

สำหรับการบริโภคภาคเอกชนในปี 2562 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามรายได้ครัวเรือน ทั้งในและนอกภาคเกษตรที่ปรับดีขึ้นและกระจายตัวมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ แต่ยังได้รับแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามการย้ายฐานการผลิตมายังไทย และโครงการร่วมลงทุนของรัฐและเอกชนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงความเชื่อมั่นด้านการลงทุนที่อยู่ในเกณฑ์ดี

การใช้จ่ายภาครัฐปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ ทั้งการบริโภคและการลงทุน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความล่าช้าของโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจบางแห่ง      

ห่วงปัจจัยต่างประเทศฉุดส่งออก ฉุดจีดีพี

นายทิตนันทิ์ กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยจะปรับลดลง มาจากปัจจัยด้านการส่งออกเป็นหลัก รวมทั้งปัจจัยภายในประเทศ ซึ่งต้องพิจารณาข้อมูล (Data Independent) ในการประชุมครั้งต่อครั้ง แต่เศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องใกล้เคียงศักยภาพตามแรงส่งของอุปสงค์ในประเทศ โดยการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ตามรายได้ครัวเรือนทั้งในและนอกภาคเกษตรที่ปรับดีขึ้นและกระจายตัวมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ แต่ยังได้รับแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง 

อย่างไรก็ตาม กนง.จะติดตามความเสี่ยงด้านต่างประเทศ จากทั้งมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน และเศรษฐกิจประเทศอุตสาหกรรมหลักที่จะส่งผลมาสู่อุปสงค์ในประเทศ รวมทั้งจะติดตามความคืบหน้าของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป 

นอกจากนี้ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 2 ของปี 2562 ในวันนี้ (20 มี.ค.) คณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.75 เนื่องจากประเมินว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ใกล้เคียงกับศักยภาพ แม้จะชะลอลงกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มต่ำกว่าที่ประเมินไว้เล็กน้อย ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงินที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง