วันที่ 7 ม.ค. 2566 ดร. ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้การทุจริตคอร์รัปชันกลายเป็นปัญหา พัวพันในทุกแวดวงทั้งราชการ การเมือง และธุรกิจสีเทาอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน แต่ดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีท่าทีเมินเฉย ไม่เร่งรัดให้มีการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ซ้ำยังแสดงท่าทีฉุนเฉียวเมื่อถูกสื่อสอบถามกรณีชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย เปิดโปงข้อมูลโยงถึงหลานชายของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทา ตู้ห่าว อีกด้วย
ทั้งนี้ แม้ที่ผ่านมาฝ่ายค้านและพรรคเพื่อไทย พยายามเปิดโปงการทุจริต คอร์รัปชันต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างต่อเนื่อง คู่ขนานไปกับความเข้มแข็งของภาคประชาชนที่แฉข้อมูลกดดันให้กระบวนการตรวจสอบต้องเดินหน้า แต่หลายเรื่องเมื่อเข้าสู่กระบวนการของรัฐ กลับทำให้ประชาชนเกิดคำถามและข้อสงสัยว่า เหตุใดหน่วยงานด้านการตรวจสอบไม่กล้าทำหน้าที่เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างที่ควรจะเป็น
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยให้คำมั่นต่อประชาชนว่าจะเข้ามาปราบโกง ขจัดนักการเมืองไม่ดีออกไป แต่จนถึงขณะนี้สถานการณ์ปราบโกงที่ พล.อ.ประยุทธ์ มุ่งมั่นจะทำกลับเลวร้ายลง ยืนยันได้จากดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI) ประจำปี 2564 ไทยได้เพียง 35 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 110 ของโลกอันดับแย่ที่สุดนับตั้งแต่จัดอันดับมา การทุจริตยังได้เบ่งบานผลิดอกออกผลไปถึงบุคคลแวดล้อม พล.อ.ประยุทธ์ทั้งสิ้น ได้แก่
1. กรณีพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ เคยถูกร้องเรียนต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช ถึง 2 ครั้ง ว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ และการตรวจสอบที่มาของที่อยู่อาศัยระดับคฤหาสน์ ที่ จ.พิษณุโลก ของพล.อ.ปรีชา ทั้ง 2 กรณี คณะกรรมการ ป.ป.ช มีมติชี้ไม่ผิดและมีคำชี้แจงว่าไม่ได้มีเจตนา ขณะเดียวกันประชาชนเกิดความสงสัยว่า รายได้มากมายของภรรยา พล.อ.ปรีชา มาจากไหน จึงมีเงินฝากรวม 46 ล้านบาท ทั้งที่ พล.อ.ปรีชา แจ้งว่าภรรยาไม่มีรายได้และไม่ได้ประกอบธุรกิจใด
2.บริษัทของหลานชาย พล.อ.ประยุทธ์ ถูกกล่าวหาว่าจดทะเบียนบริษัทในค่ายทหาร แต่กลับชนะการประมูลโครงการของรัฐ วงเงินรวมหลายร้อยล้านบาท เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช.มากว่า 4 ปีแล้ว
3.อธิบดีกรมหนึ่งที่เพิ่งถูกเปิดโปงว่าเรียกรับสินบน มีรายงานข่าวว่าอธิบดีคนดังกล่าวเป็นน้องชายเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารของ พล.อ.ประยุทธ์
4.ล่าสุดตามที่ ชูวิษฎ์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย กล่าวหาว่า หลานชายพล.อ.ประยุทธ์ พัวพันกับทุนจีน ตู้ห่าว หรือไม่ต้องไปตรวจสอบ
ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าวอีกว่าการที่พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยปละละเลย ในการแสวงหาข้อเท็จจริงในการตรวจสอบบุคคลแวดล้อมว่าทุจริตตามที่ถูกกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง มีหน้าที่ตรวจสอบเพื่อทำให้ความจริงปรากฎ หากไม่เร่งดำเนินการ อาจทำให้เกิดข้อครหาในสังคมได้ว่า การเพิกเฉย ละเลย เท่ากับเป็นการรู้เห็นเป็นใจใช่หรือไม่ พลเอกประยุทธ์ เป็นผู้นำรัฐบาล เป็นผู้นำสูงสุด มีอำนาจหน้าที่สั่งการทุกหน่วยงานในการเอาผิด หากเป็นผู้นำที่มีความสามารถ ผลลัพธ์คงดีกว่านี้ เพราะทั้งหมดไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล แต่เป็นหน้าที่ของคนเป็นผู้นำต้องทำให้กระจ่างชัดกับสังคม
“ 8 ปีที่ผ่านมา ได้ก่อร่างสร้างระบอบลุงเรืองอำนาจ ข้ออ้างรัฐประหารปราบโกง โดยคนดี ซื่อสัตย์ เสียสละ คือ คำลวง วันนี้ประชาชนตื่นรู้ หยุดสร้างวาทกรรมโทษคนอื่น แต่จงหันมองกระจกและพิจารณาสิ่งที่ตัวเองทำ ถ้ายังคิดไม่ได้และยังจะขอไปต่อ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะสะท้อนให้เห็นว่า คนไทยไม่ทนกับคนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกต่อไป ” ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าว