ไม่พบผลการค้นหา
‘สุวัจน์’ เชื่อหลังเลือกตั้งได้ “รัฐบาลผสม” มั่นใจ ‘ชาติพัฒนากล้า’ คัมแบ็กโคราช พร้อมจับมือขั้วการเมืองร่วมมือ-ไม่ขัดแย้ง ลุยแก้ปัญหาประเทศ ด้าน ‘อนุทิน’ โผล่ร่วมงานวันเกิดด้วย

วันที่ 9 ก.พ. ที่บ้านเลขที่ 333 ซอยราชวิถี 20 คณะที่ปรึกษา หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนากล้า เข้าอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 68 ปี ของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า โดยมี กรณ์ จาติกวาณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นผู้มอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ รวมถึง อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่เดินทางมาร่วมพูดคุยและรับประทานอาหารกลางวันด้วย

โดย สุวัจน์ ได้กล่าวขอบคุณคณะผู้บริหารพรรคชาติพัฒนากล้าที่ได้มาอวยพรครบรอบวันเกิด 68 ปี พร้อมให้กำลังใจสมาชิกพรรคในการเข้าสู่สนามเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น เพราะขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตอย่างหนัก ไม่ว่าจะเศรษฐกิจหรือมิติต่างๆ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตนมองว่า การเลือกตั้งจะนำไปสู่การแก้วิกฤตดังกล่าวได้ รู้สึกยินดีที่พรรคมีการคิดและนำเสนอนโยบายดีๆ อาทิ การดูแลสินเชื่อ การปรับโครงสร้างภาษี การแก้ไขปัญหาราคาสินค้าแพง โครงสร้างราคาน้ำมัน รวมถึงนโยบายท่องเที่ยว โดยขอให้ยืนหยัดในการผลักดันนโยบายให้สำเร็จ

ทั้งนี้ พลังในการขับเคลื่อนนโยบาย คือ จำนวน ส.ส. ที่จะต้องได้จากการเลือกตั้ง จึงอยากเป็นกำลังใจให้ ชาติพัฒนากล้าได้ที่นั่ง ส.ส. เยอะๆ เพื่อที่จะเข้าไปดูแลเศรษฐกิจของชาติให้เข้มแข็งต่อไป 

เมื่อถามถึงความร่วมมือกันระหว่างขั้วการเมืองต่างๆ สุวัจน์ กล่าวตอบว่า ทุกวันนี้ มองไม่ค่อยชัดเจน เพราะมีหลายขั้ว ประเมินได้ยาก แคนดิเดตนายกฯของแต่ละพรรคการเมืองก็แสดงความพร้อมเป็นนายกฯทั้งนั้น จึงจำเป็นจะต้องไปรอดูผลหลังการเลือกตั้งว่าจะมีการจับมือกับใคร 

ทั้งนี้ มองว่า แนวโน้มที่จะเกิดขึ้น คือ รัฐบาลผสม โดยเชื่อว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่มีความแข่งขันสูงมาก เพราะแต่ละพรรคต่างต้องการเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ ทุกคนอยากทำงาน จึงพยายามนำเสนอนโยบายที่มีความมุ่งมั่น ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการเลือกตั้งที่มีการแข่งขันเข้มข้นมากที่สุด

อย่างไรก็ดี แม้จะยังไม่รู้ว่าจะจับมือกับใคร แต่สิ่งที่เราเห็นคือเสถียรภาพที่บอบบางของการเมือง สะท้อนจากระบบรัฐสภาที่อ่อนแอ ไม่สามารถประชุมเพื่อ พิจารณากฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนได้ และแม้จะยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นนายกฯ แต่ต้องยึดเสถียรภาพทางการเมืองเป็นตัวตั้ง 

“ตัวเลขสภาฯ 500 ที่นั่ง หากต้องการให้มีเสถียรภาพ รัฐบาลจะต้องมี 300 เสียงขึ้นไป จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่ององค์ประชุม กลไกสภาจะได้ทำงานได้ อย่างไรก็ดี นอกจากเรื่องตัวเลข ยังมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองด้วย หากสามารถพูดคุยกันได้ ย่อมเป็นเรื่องที่ดี เป็นหลักการของประชาธิปไตยที่จะต้องรับฟังเสียงประชาชน จึงต้องสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่มีความร่วมมือ ลดความขัดแย้ง ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าจะคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้” สุวัจน์ ระบุ

นอกจากนี้ สุวัจน์ ยังกล่าวถึงเป้าหมายในการส่งว่าที่ผู้สมัครฯในแต่ละพื้นที่ โดยยืนยันว่า แม้จะไม่ได้ส่งครบทั้ง 400 เขต แต่พรรคจะมุ่งเน้นพื้นที่เป้าหมายที่มีความมั่นใจ อาทิ กทม. นครราชสีมา นครสววรค์ ชุมพร สงขลา นครศรีธรรมราช ภูเก็ต เป็นต้น โดยพรรคจะมีการเปิดตัวนโยบายภาคอีสาน รวมถึงว่าที่ผู้สมัครฯเป็นลำดับต่อไป พร้อมยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้ เป้าหมายขั้นต่ำคือต้องได้อย่างน้อย 25 ที่นั่งขึ้นไป เพื่อให้การเสนอแคนดิเดตนายกฯของพรรคเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองอื่นขึ้นปราศรัยว่าจะกวาดส.ส.ยกจังหวัดนครราชสีมา สุวัจน์ มองว่า ทุกพรรคมีนโยบายในการรณรงค์ของตนเอง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน เพราะใหญ่ที่สุด เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญ ใครชนะในพื้นที่นั้น ย่อมเสมือนชนะการเลือกตั้งไปแล้ว ยืนยันไม่หนักใจแม้พรรคการเมืองใหญ่มีเป้าหมายเดียวกัน เพราะพรรคชาติพัฒนากล้ามีว่าที่ผู้สมัครที่เป็นตัวจริงในพื้นที่ เชื่อว่าจะมีเซอไพรส์เกิดขึ้น พรรคชาติพัฒนากล้า “คัมแบ็ก” ได้แน่นอน

นอกจากนี้ เมื่อถามว่ากติกาบัตรเลือกตั้งสองใบจะทำให้พรรคเสียเปรียบทางการเมืองหรือไม้ สุวัจน์ ระบุว่า ไม่กังวล แต่ขอเรียกร้องไปยัง กกต. ว่าการเลือกตั้งต้องมีกติกาที่ยุติธรรม ป้องกันไม่ให้มีการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพื่อให้การเลือกตั้งมีความชอบธรรม ทุกคนยอมรับผล จึงขอให้ กกต. มีความเข้มงวดกวดขัน เรื่องกฎกติกาต่างๆ รวมถึงการประชาสัมพันธ์กับประชาชน ไม่ให้เกิดความสับสน ให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและถูกต้อง