จากกรณี ทีมงานอาสาหมอชนะ MorChana Volunteer Team และกลุ่ม Code for Public ทีมนักพัฒนาอาสาสมัครภาคเอกชนซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่น 'หมอชนะ' ประกาศส่งมอบสิทธิการดูแลแอปพลิเคชั่นหมอชนะ ทั้งหมดให้กับรัฐบาลเต็ม 100% นั้น
พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มผู้พัฒนาแอป 'หมอชนะ' ได้แก่ กลุ่ม Code For Public และกลุ่มทีมงานอาสาหมอชนะ Mor Chana Volunteer Team ได้มีการส่งต่อ 'หมอชนะ' จากกลุ่มอาสาสมัครมาสู่การกำกับดูแลจากทางรัฐบาลอย่างเต็มตัวแล้ว เนื่องจากหลังการนำมาใช้งานเพื่อรับมือการระบาดโควิด-19 รอบใหม่ตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563 ซึ่งเป็นการระบาดในประเทศที่รุนแรงกว่ารอบแรก ทำให้ปริมาณผู้ใช้งานจากประชาชนทั่วไปเพิ่มมากขึ้น
ทาง ศูนย์ปฏิบัติการ ศบค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตระหนักถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้ให้ผู้พัฒนาปรับปรุงโดยยกเลิกการขอข้อมูลส่วนบุคคลในการลงทะเบียน เช่น ชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ออก ไม่ให้มีการได้มาหรือเก็บข้อมูลนั้นไว้ เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจนอกจากนั้นยังตัดฟังก์ชั่นการทำงานของแอปพลิเคชั่นหมอชนะออกหลายจุด เพื่อให้ใช้งานง่าย และไม่ลิดรอนสิทธิส่วนบุคคลของประชาชน โดยมีการใช้งานเพียงการตรวจสอบหาบุคคลที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับผู้ติดเชื้อเพื่อแจ้งเตือนเท่านั้น
“การพัฒนาแอปฯ หมอชนะ เกิดจากการร่วมมือกันของอาสาสมัครที่อยากให้มีแอปพลิเคชั่นในลักษณะติดตามตัวผู้ใช้งาน เพื่อมาช่วยในการควบคุมการระบาดของโควิด -19 โดยมีการพัฒนามาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 โดยดีอีเอส ได้ตรวจสอบแล้วว่ามีความมั่นคงปลอดภัยและไม่ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้ให้การรับรองและมอบหมายให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) เป็นผู้ดูแล และสนับสนุนพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในคลาวด์ของ สพร. รวมทั้งตั้งคณะกรรมการธรรมาภิบาลข้อมูลมาตรวจสอบด้วย ซึ่งแอปหมอชนะได้มีการใช้งานแล้วในกลุ่มภาคเอกชน บริษัท โรงงานต่างๆ มาระยะหนึ่ง” พุทธิพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อเกิดการระบาดรอบใหม่ในประเทศ และรัฐบาลต้องการควบคุมมาตรการเข้มงวดเฉพาะจุดในพื้นที่การระบาด เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตของประชาชนในวงกว้าง จึงเห็นความจำเป็นให้นำแอปหมอชนะมาใช้ติดตามผู้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ เพื่อให้เข้ามารับการตรวจสอบ
โดยในการนำหมอชนะมาให้ประชาชนใช้ นอกจากเพิ่มการปกป้องสิทธิส่วนบุคคลแล้ว บางฟังก์ชั่นการใช้งานรวมถึงการจัดระดับความเสี่ยงของแต่ละบุคคลไม่ได้นำมาใช้ ทำให้มีผลต่อองค์กรที่ใช้งานแอปหมอชนะมาก่อนหน้านี้ สามารถใช้งานได้น้อยลง
“ดังนั้นกลุ่มอาสาสมัครผู้พัฒนาแอปหมอชนะ จึงได้ออกคำชี้แจงเพื่อให้ทุกคนทราบว่าได้มอบแอปนี้ให้รัฐบาลนำไปใช้งานแล้ว ไม่ได้อยู่ในความดูแลของกลุ่ม โดยทางกลุ่มยังให้การสนับสนุนการใช้งานของรัฐบาลต่อไป” พุทธิพงษ์ กล่าว
รมว.ดีอีเอส กล่าวย้ำว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังร่วมกันทำงาน ทั้งกลุ่มผู้พัฒนาแอป และ สพร. เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น และเพื่อรองรับปริมาณผู้ใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้คลาวด์เก็บข้อมูลที่ สพร. เริ่มไม่พอมาตั้งแต่ต้นปีนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ จึงต้องให้ใช้คลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT มารองรับในการเก็บข้อมูล
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า การใช้งานของแอปหมอชนะนั้น ศบค. และ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในการไม่ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล กระทรวงดิจิทัลฯ และ สพร. ซึ่งรับผิดชอบในการทำงานของแอปพลิเคชั่นด้านเทคนิค ก็กำกับดูแลตามหลักการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่ดาวน์โหลดหมอชนะ เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง
โดยเมื่อเย็นวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก Code for Public และเพจเฟซบุ๊ก ทีมงานอาสาหมอชนะMor Chana Volunteer Team ได้ออกแถลงการณ์การส่งต่อแอปหมอชนะ จากกลุ่มอาสาสมัครไปสู่การกำกับดูแลจากทางรัฐบาลอย่างเต็มตัว โดยส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ ระบุว่า กลุ่มผู้พัฒนาจะไม่ได้เป็นผู้ดูแลแอปหมอชนะอีกต่อไปอย่างเป็นทางการ และทั้งหมดนี้ก็เป็นไปตามที่ทางทีมผู้พัฒนาวางแผนกันไว้ว่าจะดูแลเพียงส่วนของโปรแกรมระบบเปิดในการพัฒนา (Open Source) ซึ่งหลังจากนี้ก็จะยังพัฒนาโอเพ่นซอร์สตัวเดิมต่อไป และเมื่อดูจากแถลงการณ์ในข้อที่ระบุว่า “การดำเนินการการส่งต่อให้รัฐบาลครั้งนี้ คำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคลเป็นสำคัญเช่นเดิม ดังนั้นข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนอย่างเช่นเบอร์โทรศัพท์ ข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบทิ้งออกจากฐานข้อมูล รวมถึงตัวแอปได้ปิดฟีเจอร์ยืนยันตัวตนเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เวอร์ชัน 2.0.1 ทำให้ผู้ใช้ใหม่จะไม่มีวิธีในการใส่เบอร์โทรตัวเองเข้าระบบอีกต่อไป” จะเห็นว่าทางกลุ่มผู้พัฒนาได้ดำเนินการตามคำร้องขอของรัฐบาลแล้ว เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจในเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าแอปพลิเคชัน 'หมอชนะ' เป็นความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งได้ลงนามความร่วมมือที่จะบริหารจัดการแพลทฟอร์ม เพื่อติดตามและประเมิน ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคโควิด-19 เนื่องจากอยู่ในระหว่างการพัฒนาร่วมกัน ระหว่างกลุ่มผู้พัฒนาซอฟท์แวร์กับผู้ใช้งานในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข อาจมีบางประเด็นที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนต้องมีการหารือและทำความเข้าใจเพิ่มเติมต่อไป โดยเฉพาะประเด็นที่ผู้พัฒนาซอฟท์แวร์กังวลเกี่ยวกับสถานะของผู้ติดเชื้อ จะได้นำไปทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้แอปพลิเคชันหมอชนะ มีประโยชน์สูงสุดสำหรับประชาชนในการป้องกันควบคุมโรค
นพ.โอภาส กล่าวว่า ช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ รัฐบาลได้ส่งเสริมให้มีการนำแอปพลิเคชันหมอชนะ มาช่วยในการติดตามสอบสวนโรคได้เป็นอย่างดีและเป็นเครื่องมือเพื่อสื่อสารถึงประชาชนกลุ่มเสี่ยง เพิ่มเติมจากการใช้ไทยชนะตามสถานที่ต่างๆ เนื่องจากแอปพลิเคชันหมอชนะสามารถติดตามการเดินทางผู้ที่มีความเสี่ยงใกล้ชิดกับผู้ป่วยได้ โดยในวันที่ 16 ม.ค. 2564 ได้มีการแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ใช้แอปพลิเคชั่น จำนวน 3,283 เครื่อง โดยส่งข้อความไปยัง 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ผู้มีความเสี่ยงต่ำที่ไปในสถานที่เดียวกับผู้ติดเชื้อ ให้รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อประเมินความเสี่ยงและให้สังเกตอาการ 14 วัน หากมีอาการป่วย ให้สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยรถสาธารณะ และพบแพทย์ใกล้บ้านทันที หรือสอบถามที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือสายด่วน 1422 และกลุ่มที่ 2 ผู้มีความเสี่ยงสูงที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ให้สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยรถสาธารณะ และพบแพทย์ใกล้บ้านทันที หรือสอบถามที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือสายด่วน 1422
ทั้งนี้ มีการใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชันหมอชนะ 2 รูปแบบดังนี้คือ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :