ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย เคยมีสัญญาใจกับกลุ่ม 16 ว่า จะมีการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปในทิศทางเดียวกัน แต่ล่าสุดกลุ่ม 16 มีทีท่าว่า จะโหวตไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 11 คน ภายหลังจากที่ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา จึงทำให้มีท่าทีที่เปลี่ยนไป

ขณะนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล ได้กำชับให้โหวตไว้วางใจรัฐมนตรีทุกคน โดยเฉพาะ สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่มีข่าวว่าพรรคเล็กจะโหวตไม่ไว้วางใจ โดยให้เหตุผลว่า สันติ เป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จะให้ได้คะแนนน้อยกว่าคนอื่นได้อย่างไร อีกทั้งหากพรรคเล็กไม่ยอมก็จะขับไล่พ้นจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วย

โดยสถานการณ์ล่าสุด เมื่อ ร.อ.ธรรมนัส ได้ทราบว่ากลุ่มพรรคเล็กหักหลัง จึงไม่พอใจอย่างยิ่ง และให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า ใน 3 ปีที่ผ่านมา ใครที่มาเซ็นรับเงินเป็นรายเดือน ซึ่งจำนวนมากกว่า 3,000 แน่นอน ซึ่งเรื่องตรงนี้จะมีคนไปยื่นกับ ปปช.เพราะถือเข้าข่ายผิดกฎหมาย และขอให้ระวังที่จะมีไลน์หลุดออกมา 

ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า ได้มีไลน์หลุดออกมา ซึ่งมีเนื้อหาและภาพที่ระบุให้เห็นว่า มีรายชื่อ ส.ส.พรรคเล็ก เซ็นรับเงินเดือนประจำเดือนมีนาคม 2563 หลายคน และมีภาพหลักฐานการโอนเงินไปยังบุคคลปลายทาง โดยจากการสอบถามพบว่า เป็นเงินรายเดือนจำนวนหนึ่งเป็นรายเดือน

‘จุติ’ เครียดรุดพบ 'จุรินทร์' ด่วนหลังลือหึ่งจะถูกคว่ำในศึกซักฟอก

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่รัฐสภา เมื่อเวลา 16.48 น. จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เร่งเดินขึ้นลิฟท์เพื่อไปพบกับ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โดยเมื่อถามว่าจะไปพูดคุยถึงกระแสข่าวที่ ตัวเองมีโอกาสจะถูกโหวตคว่ำในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ใช่หรือไม่ จุติ กล่าวยอมรับว่า ตนกำลังจะไปหาหัวหน้าพรรคฯ 

ส่วนที่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ออกมาระบุชัดเจนว่าพร้อมจะทำการโหวตคว่ำ รัฐมนตรีหลายคน ตามฝ่ายค้านนั้น จุติ กล่าวว่า “ ไม่เป็นไรครับ” ก่อนที่จะเข้ารีบไปทันทีด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

ชลน่าน ห่วงกระแสแจกกล้วย เกรงสภา-ประชาธิปไตย ถูกทำลายด้วยเม็ดเงิน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า มั่นใจในยุทธการ เด็ดหัวสอยนั่งร้านมาก ยิ่งในช่วงโค้งสุดท้าย เหลือผู้อภิปรายเพียงไม่กี่คน ก็มีหลักฐาน ในข้อกล่าวหาตามกรอบญัตติที่ได้วางไว้ทุกอย่างสมบูรณ์มาก ทั้งเรื่องของความล้มเหลว ความผิดพลาดในการบริหารราชการแผ่น 

ส่วนเรื่องเอื้อประโยชน์ส่อทุจริต จะเห็นได้ว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้ดีมากสามารถชี้ประเด็นตามข้อกล่าวหาได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ ศักดิ์สยาม ชิดชอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไล่เรียงมาจนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีทุกข้อกล่าวหา ทั้งผิดพลาดบกพร่อง ล้มเหลว เอื้อประโยชน์ ปล่อยปละละเลย การละเมิดสิทธิเสรีภาพ และการทำลายล้างระบบประชาธิปไตย ซึ่งในแง่ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ต้องไปดูที่คำชี้แจง 

ทั้งนี้การอภิปรายไม่ไว้วางใจเปรียบเสมือนการต่อสู้คดีในศาล แต่นี่คือศาลของประชาชน และครั้งนี้รู้สึกว่าฝ่ายค้านได้เปรียบมาก อย่างน้อยก็มีรัฐมนตรี 2 ท่านที่หนีการตอบคำถาม คือ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งการหนีการตอบคำถามถือว่าเป็นการทิ้งนาทีทองของผู้ที่ชี้แจง หากจะไปชี้แจงวันหลังความน่าเชื่อถือก็ลดลง และเป็นข่าวตามหน้าสื่อไปทั้งหมดแล้ว 

นอกจากนี้ยังมองว่าผู้ที่อยู่ตอบคำถาม ก็ถามวัวตอบควาย เป็นการเลี่ยง และไม่ตอบคำถาม ก็คือการสารภาพกลางสภา ตามข้อกล่าวหานั้น จึงมั่นใจว่าการอภิปรายในครั้งนี้ยุทธการเด็ดหัวสอยนั่งร้านเกิดผลอย่างแน่นอน ตั้งความหวังไว้ว่าจะสอยนั่งร้านได้ ไม่แน่ใจว่าจะกี่เก้าอี้ แต่อย่างน้อยต้องได้ 1-2 เก้าอี้อย่างแน่นอน 

ส่วนภาพใหญ่แม้ว่าจะแพ้ในสภา แต่มือในสภาสู้ศรัทธาประชาชนไม่ได้ เพราะขณะนี้มี ประชาชนติดตามการอภิปรายครั้งนี้เป็นจำนวนมาก และพร้อมที่จะเป็นคู่กับสิทธิ์ในสนามเลือกตั้ง พร้อมยืนยันว่าขั้นตอนหลังจากนี้จะยื่นข้อกล่าวหาที่กระทำความผิดต่อกฏหมาย ทุจริตปล่อยปละละเลยก็จะยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช.

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ถือเป็นมาตรการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจรัฐบาลที่ส.ส.ทำแทนประชาชน และสามารถลงคะแนนผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆที่พรรคการเมืองได้ทำขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้ลงมติ ก็จะได้สะท้อนความต้องการของประชาชนโดยตรง เพราะจะมีผลกับการลงคะแนนในสภาด้วย

นพ.ชลน่านยังเป็นห่วงกระแสอำนาจการต่อรองในสภาขณะนี้ มีความแปรปรวนมาตลอด ซึ่งเป็นภาพที่พิสูจน์ให้เห็นว่า สภาของเราเป็นสภากล้วย เป็นสภาที่ถูกทำลายล้างด้วยเม็ดเงิน การใช้เม็ดเงินเข้ามาควบคุมอำนาจของปวงชนชาวไทย หากประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้มากเท่าไหร่ก็จะลบภาพความเป็นสภากล้วยออกไปได้ จึงฝากไปยังผู้มีอำนาจที่ให้กล้วย เพื่อแลกมาซึ่งคะแนน แต่ผลที่จะเกิดขึ้นคือการทำลายระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างชัดเจน และจะกลายเป็นระบบอื่นถือว่าอันตราย

อย่างไรก็ตาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ได้ประสานงานมายังประธานวิปในเรื่องของการอภิปราย ส่วนเรื่องของการโหวต ตนไม่ขอก้าวล่วงเพราะเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรคการเมือง