นายนพดล ปัทมะ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการพบปะกันระหว่างนายอันวาร์อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในขณะนี้และท่านอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เพื่อพูดคุยกันหลายเรื่องโดยเฉพาะประเด็นที่อยู่ในความสนใจคือเรื่องการ ช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและการยุติการสู้รบ รวมทั้งสร้างสันติภาพในเมียนมาร์ ซึ่งทราบว่าทางนายอันวาร์ ได้พบปะกับทั้งพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่ายผู้นำเมียนมาร์และฝ่ายค้านในพม่าซึ่งตนเห็นว่าการพบปะของนายอันวาร์และ นายทักษิณ ชินวัตรนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะท่านอดีตนายกฯ ทักษิณนั้น เป็นผู้ที่มีความรู้ ประสบการณ์ และมีเครือข่ายเพื่อนผู้นำที่มีบทบาทในเวทีโลกอย่างกว้างขวาง คงจะช่วยให้คำแนะนำประธานอาเซียนและทำให้กระบวนการสร้างสันติภาพในเมียนมาร์ได้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมและเกิดเป็นจริงรวดเร็วมากขึ้น เพราะเราต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาตั้งแต่อาเซียนมีฉันทามติห้าข้อ เมื่อหลายปีก่อน มีความคืบหน้าเรื่องเมียนมาร์น้อยมาก ถ้าจะพูดว่าเป็นการขับเคลื่อนที่ค่อนข้างเฉื่อยก็คงจะไม่ผิดจากความเป็นจริงนัก
ซึ่งหลังจากที่ท่านอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรได้เข้ามามีส่วนร่วมและมีบทบาทร่วมกับนายอันวาร์ ก็ได้ทำให้การพูดคุยขับเคลื่อนการเจรจาสร้างสันติภาพในเมียนมาร์กับกลุ่มต่างๆได้เกิดขึ้นเป็นขั้นเป็นตอน เป็นรูปธรรม เปลี่ยนการการทูตเฉื่อย เป็นการพูดที่เฉียบคมและมีเป้าหมาย เป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งผลที่ตามมานั้นน่าจะวิน-วิน ทุกฝ่ายทั้งประชาชนชาวเมียนมาร์โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุและสตรีไม่ต้องหลบลี้หนีภัยสู้รบข้ามเขตแดนมาประเทศไทย สันติภาพในเมียนมาร์ก็จะนำมาซึ่งความร่วมมือระหว่างไทยและเมียนมาร์ในประเด็นต่างๆได้ดีขึ้น เช่นเรื่องของพีเอ็ม 2.5 ยาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น ส่วนผลในระยะยาวก็จะทำให้ภูมิภาคอาเซียนเป็นภูมิภาคแห่งสันติภาพมีความเป็นเอกภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกันของอาเซียนก็จะเกิดขึ้นจริง
'ในยุคที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างนายอันวาร์และนายทักษิณ ชินวัตร นับว่าจะเป็นยุคที่การต่างประเทศไทยกลับมาโดดเด่นและวัดกันด้วยผลลัพธ์อีกครั้ง'