ไม่พบผลการค้นหา
‘ประยุทธ์’ ลุกชี้แจงเฮือกสุดท้าย แก้ข้อกล่าวหายิบ เผยมีสมอง 840,000 ล้านเซลล์ แค่พูดผิด แซะกลับหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน บอกถ้าได้โอกาสก็ทำให้ดีแล้วกัน เผยใช้กฎหมายรับมือม็อบอย่างระวัง ถ้าทำแรงจริงไม่อยู่ถึงวันนี้หรอก ย้ำห้ามให้คนไทยฆ่ากันเองอีก ยันนักบินมาตรฐานถวายความปลอดภัย

เมื่อเวลา 16.57 น. วันที่ 22 ก.ค.2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 11 คน เป็นวันที่สี่ ซึ่งเป็นวันสุดท้าย หลังจากพรรคร่วมฝ่ายค้านได้อภิปรายจนใกล้สิ้นสุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ใช้สิทธิลุกขึ้นชี้แจงเป็นครั้งที่ 2 ของวัน โดยแก้ไขข้อกล่าวหาในแต่ละประเด็นของพรรคร่วมฝ่ายค้าน

“ที่ผมเคยพูดคำว่า 84,000 เซลล์ อะไร ผมพูดเร็วไปนิดหนึ่ง จริงๆ ผมตั้งใจจะพูดว่า 840,000 ล้านเซลล์ไง ผมจำตัวเลขตรงนั้น มันมีถึงล้านล้านเซลล์นะ ผมก็เร็วไปหน่อย อารมณ์ก็ไม่ค่อยดีวันนั้น แล้วภาพที่ท่านเอามาออกก็เป็นภาพในอดีต ผมยังทำใจอยู่กับนักข่าวเขา เพราะท่านจะเอาแต่เฉพาะเวลาผมตอบ ท่านไม่ดูที่เขาถามผม แล้ววันนี้ผมก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะแล้วล่ะ ท่านจะเห็นได้ว่าผมอารมณ์ดีขึ้นเยอะในสภา ใช่ไหม ถึงแม้ว่าท่านจะพยายามยั่วยุผมตามที่ท่านวางแผนไว้ก็ตาม แต่ผมก็ยังอดทนได้อยู่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ประยุทธ์ ประชุมสภา อภิปรายไม่ไว้วางใจ 9-07F5AB320AEA.jpeg

แจงเหตุต้องซื้อเครื่องบินรบ 4 ลำ

พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจง เหตุที่ซื้อเครื่องบินรบเพิ่ม 4 ลำ เนื่องจากจะได้สอดคล้องกับลำอื่นๆ ที่ทยอยปลดประจำการในปี 2575 ไม่ว่าจะมีสงครามหรือไม่ ก็ควรมีศักยภาพตรงนี้ไว้ ส่วนที่สงสัยว่าซื้อแต่เครื่องบินแล้วไม่มีระบบอาวุธ เนื่องจากเครื่องบินรุ่นใกล้เคียงกัน สามารถใช้อาวุธจากของเดิมมาประกอบได้ แม้นานาประเทศจะเป็นมิตรกัน แต่ก็จำเป็นต้องมีศักยภาพเรื่องอาวุธคงไว้อยู่

“ท่านบอกว่าค่าใช้จ่ายหลายชั่วโมงแพงเกินไป เราคงไม่เอาเครื่องบินขับไล่ไอพ่นไปลาดตระเวนเป็นชั่วโมงหรอก เรามีเครื่องบินอย่างอื่นไปทดแทน เพียงแต่ไปแสดงศักยภาพไว้ เพื่อให้เขาถอยออกไป”

ส่วนในการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลเมียนมาและชนกลุ่มน้อย ที่อยู่บริเวณชายแดนประเทศ หากมีความเสียหายก็พร้อมเปิดรับศูนย์อพยพให้ช่วยเหลือ แล้วจึงค่อยให้เขากลับบ้าน ขณะนี้ไทยก็กำลังดูแลอยู่หลายแสนคน ขณะนี้หลายภาคส่วนในอาเซียนก็พยายามแก้ปัญหาอยู่ ซึ่งไทยก็มีบทบาทหลักในส่วนนี้ แต่หากจะให้มีการคว่ำบาตรกันก็คงยาก เนื่องจากเป็นประเทศที่ติดกัน และเป็นแหล่งพลังงานของไทยด้วย แต่ที่สำคัญต้องสนับสนุนไม่ให้เกิดความรุนแรง เนื่องจากไทยจะต้องรับเคราะห์หนัก เพราะอยู่ใกล้กัน

สำหรับข้อสงสัยเรื่องการขอความเห็นชอบในการขายอาวุธยุทโธปกรณ์จากสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกานั้น ทางกองทัพอากาศก็ได้ส่งหนังสือขอรับทราบราคาไปยังทางการอเมริกาแล้ว และคาดว่าจะผ่านการพิจารณาในปี 2566 ซึ่งทั้งหมดได้ดำเนินการตามขั้นตอน การจัดหาอากาศยานไร้คนขับ หรือ AUV ที่มีสถิติการตก นั่นคือการตกระหว่างการทดสอบ ไม่ใช่ปัญหาของเครื่องยนต์แต่อย่างใด ในภาพรวมกำลังพัฒนาให้สมบูรณ์ขึ้น แต่จำเป็นต้องใช้เวลา ขณะที่ประเด็นการจัดหาเรือดำน้ำที่ไม่มีเครื่องยนต์ หากไม่มีเครื่องยนต์จริง ทางไทยก็ไม่สามารถรับมาได้ ยืนยันว่ายังมีความต้องการให้จัดหาเครื่องยนต์ และกำลังอยู่ระหว่างการหารือ แต่เวลานี้อะไรที่ทำได้ก็ทำไปก่อน

ประยุทธ์ อนุพงษ์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ประชุมสภา -B4F4-4979-B60A-FEA0848ED1E0.jpeg

สำหรับกองบินตำรวจที่ใช้งบกลางมาชำระหนี้ ตนได้สั่งเร่งคณะกรรมการในการตรวจสอบหาผู้รับผิดชอบ โดยไม่ได้ปล่อยปละละเลย ส่วนเหตุที่ต้องใช้งบกลางนั้น เพราะมีส่วนคาบเกี่ยวกับงบของการบินไทยซึ่งอยู่ระหว่างการฟื้นฟู และมีภาระหนี้อยู่แล้ว จากที่พิจารณาเห็นว่าสามารถใช้งบกลางในการชำระได้ เพื่อให้สถานะทางการเงินของการบินไทยยังดำเนินไปได้ และการถวายความปลอดภัยของขบวนเฮลิคอปเตอร์ ยืนยันว่าให้ความสำคัญสูงสุด นักบินต้องมีความพร้อม เป็นไปตามมาตรฐาน และต้องระวังอย่างที่สุด

“เรื่องการต่างประเทศ เมื่อสักครู่มีหัวหน้าพรรคหนึ่งได้กล่าว ท่านพูดเยอะเหลือเกิน หลายเรื่อง เดี๋ยวผมจะตอบสุดท้ายแล้วกัน ผมตอบเป็นประเด็นไม่ได้ ผมตอบในภาพกว้าง เพราะท่านบอกว่าผมทำผิดทั้งหมด ก็จะถูกจะผิดให้ทั้งสภาพิจารณาดูแล้วกัน แล้วเมื่อถึงโอกาสของท่านเข้ามา ท่านก็ทำให้มันดีแล้วกัน”

“เรื่องของอดีต ผบ.ตร.ท่านก็กล่าวถึงความดี ความเก่งของท่าน แล้วท่านก็กล่าวถึงนายกรัฐมนตรีที่เป็นทหารมาทั้งหมด ท่านก็อาจจะน้อยใจที่ตรงนั้นไม่มีนายกฯ ที่เป็น ผบ.ตร. มาก่อน ผมก็คิดว่าท่านพยายามต่อไปเถิดครับ เดี๋ยวท่านก็ได้เป็น เพราะท่านก็เป็นหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว”

“ผมไม่เคยซื้ออุปกรณ์ ที่ท่านบอกว่าซื้อมาแล้วก็ใช้ไม่ได้ อย่างน้อยผมก็ไม่ได้ซื้อแล้วทิ้งแบบไทเกอร์ มอเตอร์ไซค์น่ะ อย่าลืม”

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้นำเสนอแบบสรุปผลงาน เรียกว่า การเดินของประเทศไทย ความภูมิใจของคนทั้งชาติ 8 ปี เพื่อไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า บริหารราชการได้อย่างไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญาในการบริหารประเทศ ซึ่งได้ฟังการอภิปรายมาตลอด 4 วันที่ผ่านมา รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับการรับมือผู้ชุมนุม และการบังคับใช้กฎหมาย

3D821545-29CC-4550-99AE-6CD3994904DA.jpeg

“ในช่วงที่ผ่านมาก็มีการชุมนุมหลายประเภทด้วยกัน ผมก็เจอที่ทำเนียบฯ เกือบทุกวัน ผมก็พูดคุยคลี่คลายกันไป เข้าใจเขาก็กลับ แต่บางพวกก็ไม่กลับ ไม่รู้เป็นอะไร ไม่ยอมกลับจนกว่าจะได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ มันก็ให้ไม่ได้ แล้วมันก็แรงขึ้นๆ เรื่อยๆ จนท้ายสุดก็เป็นคดีจนได้ เจ้าหน้าที่เขาก็ไม่อยากใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว เขาก็เสี่ยงนะ เขาก็เหนื่อยนะ ครอบครัวเขาก็มีนะ”

“รัฐบาลใช้แนวทางสันติและสากลในการกำกับดูแล ไม่ได้บานปลาย ถ้าผมทำแรงจริงๆ มาตั้งแต่ครั้งแรก ก็ไม่ถึงวันนี้หรอก แต่ผมก็ไม่ได้ทำไง ก็ใช้กฎหมายอย่างระมัดระวังที่สุด เพื่อไม่ให้บานปลายไปสู่ความสูญเสียชีวิตคนไทยด้วยน้ำมือคนไทยกันเองเป็นอันขาด มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

‘โรม’ ลุกท้วง ‘ประยุทธ์’ เมินแจงงบกลาง ปมนักบินเถื่อน

ขณะที่ รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นกล่าวหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงเสร็จ ว่า ประเด็นที่ตนอภิปรายไปนั้น นายกรัฐมนตรีไม่ได้ชี้แจงตามข้อกล่าวหา เข้าใจดีว่า นายกรัฐมนตรีมีสิทธิ์ที่จะชี้แจงอย่างไรก็ได้ แต่ข้อกล่าวหาที่ว่า นายกรัฐมนตรีใช้งบกลางที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ ปล่อยให้มีนักบินเถื่อน 

รังสิมันต์ กล่าวว่า หากไปดูระเบียบการถวายการบินนั้นจะพบว่า ต้องเป็นนักบินประจำกอง มีการตรวจสุขภาพ แต่สิ่งเหล่านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ชี้แจง และกำลังสร้างปัญหาให้เกิดขึ้น และอันตรายเป็นอย่างมากต่อกองบินตำรวจ และการถวายภารกิจต่างๆ จึงอยากฝากประธานสภาฯ (ศุภชัย โพธิ์สุ) ไปว่า ไม่ว่าผลการลงมติในวันพรุ่งนี้ (23 ก.ค.) จะเป็นอย่างไร ตนหวังว่าเรื่องนี้จะได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง 

ขณะที่ จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ได้ใช้สิทธิพาดพิงตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ กลับไปข้างหลังแล้วบอกให้คนเขียนโพยมา จึงอยากบอกคนเขียนโพยว่า ถ้าไม่ชัวร์อย่าเขียนมา อย่าด้อยค่านายกฯ ที่เคารพของประเทศไทยของตน 

สำหรับประเด็นที่คาดหวังให้ชี้แจงคือ ประเด็นแรกที่บอกว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัทลูกที่เข้าไปซื้อหุ้นจำนวน 148,000 ล้านบาท ที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เพราะเป็นเอกชนนั้น สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานต้องตอบ เพราะเคยเป็นประธานบริษัทดังกล่าวไม่ใช่หรือ เอกชนจะไปซื้ออะไรก็แล้วแต่ แต่เขาเป็นบริษัทลูกของ ปตท. การที่ ปตท. ซื้อหุ้นระดับแสนกว่าล้านนั้น ต้องมีการขอรัฐมนตรี หากนายกฯ ไม่รู้อย่าพยายามตอบทุกเรื่อง กลายเป็นนายกฯ ด้อยค่า 

ประเด็นที่สองตามที่นายกรัฐมนตรี แจงว่า หากไม่รู้เรื่องพลังงานก๊าซธรรมชาติก็อย่าตอบ มีรายงานข่าวเมื่อช่วงเช้าว่า ก๊าซในบ่อมาจากหลายแหล่ง หลักๆ คือผลิตในประเทศ 65% ซึ่งตอนนี้มันลดลง 20% เพราะมีปัญหาอนุญาโตตุลาการ ระหว่าง บริษัท โททาลเอนเนอร์ยีส์ และ บริษัท เชฟรอน ที่ฟ้องร้องประเทศไทย ซึ่งบางบ่อนั้นเกิดขึ้นได้ แต่หลักๆ แล้วนำเข้าจากประเทศเมียนมาร์ 17% แต่รัฐบาลไทยนำเข้า 18% หากนายกฯ ไม่รู้ก็อย่าพูด พลังงานที่มันแพงเพราะเป็นเรื่องแบบนี้ โดยส่วนตัวแล้ว ตนอยากคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมากกว่า 

ด้าน ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ซึ่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุม กล่าวว่า เรื่องที่นายกฯ ตอบตรงใจ หรือไม่ตรงใจ ก็เป็นตามข้อบังคับที่สมาชิกสภาฯ รับทราบ หากใช้สิทธิ์พาดพิงกันทุกคน คงให้อภิปรายกันใหม่ทั้งหมด รัฐบาลก็ตอบในส่วนที่รัฐบาลทำงาน ฝ่ายค้านก็พูดในส่วนที่ว่าฝ่ายค้านมองเห็น ตรงนี้เป็นเรื่องธรรมดา 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง