ปี 2551 เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ มีตำแหน่งเป็น ส.ว.สรรหา มีชื่อในฐานะนักตรวจสอบ นักร้องเรียน เคยได้รับฉายา “แจ็คผู้ฆ่ายักษ์” หลังยื่นร้อง สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ที่จัดรายการโทรทัศน์ชิมไป บ่นไป โดยต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจิฉัยให้ สมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และการล้มนายกฯ ครั้งนี้ คือผลงานชิ้นโบว์แดงของ 'เรืองไกร'
แต่ต่อมา “เรืองไกร” คนเดิม สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หลายปีมานี้เขามีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัย คสช.เคยถูกทหารเรียกรายงานตัว และเข้าควบคุมตัวแล้วหลายครั้ง
จนหลังสภาผู้แทนราษฎร ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา เรื่องเซอร์ไพรส์จึงเกิดขึ้น เมื่อชื่อของ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” โผล่นั่งเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐ
กระทั่งต่อมาเจ้าตัวยอมรับว่าได้ย้ายค่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
'วอยซ์' คุยกับ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ บทบาทใหม่ เขาเป็นคนของพรรค 'ประวิตร วงษ์สุวรรณ' แล้วในฐานะสมาชิกใหม่พรรคพลังประชารัฐ
มันเป็นเรื่องที่เราอยากมีจุดยืนในการทำงาน พื้นที่ให้เราได้ทำงาน เราไม่ได้คิดว่าออกมาแล้วจะไม่มีผลกระทบอะไร หรือออกมาแล้วจะไม่มีใครสนใจอะไรเลย แน่นอนย้ายออกมา ต้องเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและประชาชน แต่ถามว่ามันผิดอะไรหรือไม่ มันทำให้เราเสียความเป็นอิสระหรือไม่ ซึ่งก็ไม่เกี่ยว
ดังนั้น ไม่ว่าสื่อมวลชนหรือว่าสังคมจะมองอย่างไร เราก็มีความคิดเป็นตัวของเราเอง ไม่ได้ถือว่าทำผิดกฏหมาย เรามีสิทธิ์ทำได้ เพียงแต่มันไม่ถูกใจ ผมห้ามไม่ได้ ผมอาจจะเป็นคนที่ทำงานให้กับสังคมมาเยอะ คนอาจจะคาดหวังว่าจะต้องอยู่ข้างโน้นข้างนี้ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เพราะการออกมาก็ไม่ได้ทำให้จุดยืนเราเสียไป หรือการทำงานเราไม่มีอิสระ เพียงแต่อาจจะไม่ตรงกับที่คนคาดหวังเอาไว้ ผมห้ามไม่ได้ แต่คนที่ยินดีกับผมก็เยอะ คนที่ตำหนิติติงก็เยอะ ผมไม่เคยเอามาเป็นอารมณ์
ใช่ คนอย่างผม ตั้งแต่ปีที่แล้วถึงวันนี้ เป็นเวลา 11 เดือน ผมควรจะได้มีโอกาสใช้ความรู้ความสามารถทำงาน พรรคเพื่อไทยเขาไม่เห็น แต่ฝั่งรัฐบาลเห็น ถึงกระนั้น แม้ฝ่ายค้านไม่ตั้งผมให้ทำงาน ผมก็ไม่เห็นจำเป็นต้องไปวิงวอนร้องขอให้เอาตัวผมไปทำงาน ผมไม่ใช่คนอย่างนั้น เพียงแต่เมื่อมีคนชักชวนผมไปทำงาน ผมก็ทำงานให้ เพราะแม้ไม่ได้ตั้ง ผมก็ทำงานเรื่องอื่นอยู่แล้ว ผมถือว่าผมมีแสงในตัวผมเอง ผมไม่ได้หิวแสงและหาแสงจากคนอื่น ใครที่คิดว่ามีแสงมากกว่าผม ก็ทำไป ผมไม่ไปแข่งด้วย
แน่นอนก็ต้องมีการพูดคุยกับคนของพรรคพลังประชารัฐ แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่แค่พรรคพลังประชารัฐ พรรคร่วมรัฐบาลอื่นก็ชักชวนอยู่ เพียงแต่ยังไม่มีจังหวะที่จะไป แต่วันนี้ผมเห็นแนวโน้มว่าจะมีโอกาสยุบสภา หากเราสนใจจะทำงานการเมือง เราก็ต้องมีที่ยืน
หลายคนอาจมองว่าสวิงขั้วมาก ย้ายจากเพื่อไทยมาพลังประชารัฐ แต่ครึ่งหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นคนเก่าของพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน มาจนถึงพรรคเพื่อไทย ดังนั้น จึงเหมือนมาอยู่กับเพื่อนที่เคยอยู่ร่วมกัน เพียงแต่เป็นบ้านอีกหลังหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรเสียหาย
เราดูสถานการณ์บ้านเมืองก็พบว่ามีวิกฤต มีปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาจากโรคโควิด-19 เราต้องการเสียงข้างมากสนับสนุนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ผมยืนยันว่างบประมาณปี 2565 จะต้องผ่าน มิเช่นนั้นรัฐบาลจะไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือไปบริหารราชการแผ่นดิน ผมไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องนายกฯต้องลาออก ต้องยุบสภา ผมถามสมมติท่านประยุทธ์ลาออกจริง กว่าจะฟอร์มรัฐบาลได้สำเร็จ ประเทศชาติเกิดสุญญากาศไหม และถ้าท่านลาออก กฎหมายงบประมาณตกหรือไม่ ถ้าท่านยุบสภา พวกคุณพร้อมจะไปเลือกตั้งไหม คิดสิครับ อย่าคิดเอาสนุกเอามัน พูดกันไปเอง เชียร์กันเอง ยกห่างกันเอง
แม้ผมจะมาอยู่ตรงนี้ ถ้าฝ่ายรัฐบาลทำไม่ถูก ผมก็ติง ผมก็ตรวจ แต่ต้องไม่ใช่คิดแค่ว่า 3 ป.ไม่ถูกใจ ผมก็ร้อง 3 ป. มามากกว่าร้องฝ่ายค้านอีก แต่การร้องของเรานั้น ร้องตามข้อมูลที่พบว่าผิดหรือถูก แล้วให้คนตรวจสอบได้ทำหน้าที่ ไม่ใช่ร้องไม่ได้ก็ตีอก แขวนป้ายประท้วงศาล ประท้วงทำเนียบ ผมไม่เคยทำ ผมเล่นอยู่ในกติกา
อย่างเช่น รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ให้ชุมนุม คุณก็ไปฝ่าฝืน พอเขาจับ คุณก็บอกว่าเขาไม่ให้ประกัน อย่างนี้มันไม่ถูกวิธี ที่ถูกมีเยอะแยะ แต่สู้ไม่เป็น อันนี้ไม่ได้ติติงนะ แต่ฝากให้คิด เผื่อจะได้หาวิธีการต่อสู้ที่มันดูฉลาดเท่านั้นเอง
"ผมมีแสงในตัวผมเอง ผมไม่ได้หิวแสงและหาแสงจากคนอื่น ใครที่คิดว่ามีแสงมากกว่าผม ก็ทำไป ผมไม่ไปแข่งด้วย"
คือผมมาอยู่ตรงนี้ ผมก็ต้องช่วยรัฐบาล ช่วยพรรคพลังประชารัฐ คนไม่ชอบใจคิดว่าผมย้ายมาแบบนี้ผิดกฎหมาย เชิญครับ ฟ้องเลยครับ มันผิดตรงไหน ผมไม่มีสิทธิ์เหรอครับ มันเป็นสิทธิ์ที่ผมจะไปสมัครได้ ผมอาจจะอยู่ตรงนี้สักพักแล้วย้ายไปพรรคใหม่ เพราะเห็นว่าพรรคใหม่ดีกว่าก็ได้ เงินก็เงินผม รถก็ของผม
ผมอยู่แล้วไม่มีอะไรทำ คุณจะให้ผมอยู่ต่อไปเหรอ แล้วคุณให้อะไรผม ผมถูกฟ้องดำเนินคดี ขึ้นศาล 7 หน คุณเคยช่วยอะไรผม ผมก็สู้ชนะของผมมาตลอด
ผมอยู่พรรคเพื่อไทยตั้งแต่นายกฯยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) และผมให้เกียรติท่านเสมอ ผมก็ช่วยพรรคเพื่อไทยโดยที่ไม่ได้มีตำแหน่งในพรรคเลย ตลอด 7-8 ปี ผมเข้าไปในพรรคโดยไม่ได้มีบัตรของพรรค ขับรถเข้าไปยังต้องแสตมป์บัตรทุกครั้ง ไม่เคยเรียกร้องอะไร
แต่เรื่องกรรมาธิการงบประมาณปี 2564 ผมทุ่มเทแรงกายแรงใจและเวลา อ่านทุกเล่ม ทุกฉบับ ท้วงติงผ่านสื่อมวลชน ถ้าไม่ให้ผมเป็นกรรมาธิการฯตั้งแต่แรก ผมก็ยังอยู่ได้ แต่ให้ผมเป็นแล้ว เอาคืนเนี่ยนะ มันเสียความรู้สึกนะ โกหกกันอย่างนี้มันอยู่กันไม่ได้แล้ว
คุณเห็นผมเป็นเด็กเหรอ ผมทำงานระดับชาติมาตั้งหลายเรื่องแล้ว ต่อให้วันนี้ผมไม่อยู่พรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะอยู่พรรคเพื่อไทยนะ เมื่อทำงานยังไว้ใจกันไม่ได้
คือถ้าบอกกันตรงๆว่าปีนั้นมีปัญหาอะไร มันจึงเป็นแบบนั้น ผมก็จบ แต่พอครั้งเดียวนี่แหละ ผมไม่โง่ครั้งที่ 2 นะจะบอกให้
ไม่ได้หมายความว่าผมจะขุด เพราะถือว่าผิดมารยาท สามัญสำนึกมันต้องมี แต่ถ้ามีเรื่องใหม่เกิดขึ้น ผมใส่เต็มแม็ก แล้วก็เป็นสิทธิ์ของผมด้วย ผมก็ร้องเต็มที่ ไม่ต้องห่วง 250 ส.ว. 500 ส.ส.ผมเก็บหมด ผมไม่มีอคติในการร้อง ไม่ใช่ว่าแค้นฝังหุ่น ถ้าอย่างนั้น ใครจะไว้ใจให้ผมทำงาน
ผมตรวจทุกฝ่าย ผมเดินบนทางสายกลาง วันนี้ผมก็เหมือนนักฟุตบอล ที่เมื่อมาอยู่ค่ายนี้ก็ต้องสู้กับค่ายเก่า นี่มันการเมือง คุณคิดว่าผมเป็นอะไร ถ้าผมมาอยู่ฝั่งนี้ แล้วผมยังช่วยฝั่งโน้น เขาจะเอาผมเหรอ เขาก็บอกว่าไอ้นี่ไส้ศึก ความซื่อสัตย์สุจริตของคุณอยู่ตรงไหน ผมเป็นคนแทงข้างหลังคนอย่างนั้นได้เหรอ
ผมตอบจุดนั้นยังไม่ได้ เพราะผมยังไม่รู้เรื่องการทำงานของท่าน ที่ผ่านมาผมก็ตรวจสอบท่าน เขียนหนังสือขอให้ท่านชี้แจงอยู่บ่อยครั้ง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ตอบทุกครั้ง ชี้แจงทุกครั้ง ท่านมีระบบนี้ที่ดีมากๆ
บอกตรงๆวันนี้ผมสนับสนุนรัฐบาลในเรื่องงบประมาณ เงินประชาชนต้องใช้ และ พ.ร.ก.กู้เงิน ก็มีทุกยุคทุกสมัย ยุคอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ก็มี
ก็แล้วแต่ อะไรที่มันถูกผมก็ทำให้ได้ แต่ไม่มีทางที่จะใช้ผมทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง พรรคเพื่อไทยก็เคยใช้ผมทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ผมก็ไม่ทำ ซึ่งหลายเรื่องในพรรคเพื่อไทยผมก็เตือนว่ามันไม่ถูก ผมไม่เห็นด้วย เขาก็บอกว่าเรืองไกรคุมยาก ผมก็งง คุณบอกว่าคุณเป็นประชาธิปไตย ทำไมคุณสั่งคนซ้ายหันขวาหัน ประชาธิปไตยหรือเผด็จการ
การมาอยู่พรรคใหม่ ไม่ใช่ว่าผมไม่คิด ผมคิดแล้วอยู่ดีๆที่โผล่ขึ้นมา ว่าอยู่ตรงนั้นทำประโยคได้ไหม อยู่ตรงนี้จะมีโอกาสได้ทำไหม สรุปคือผมเป็นตัวของตัวเอง ผมดูแลครอบครัวผม ผมดูแลพี่น้องของผม ผมไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ผมทำแล้วผมรับผิดชอบทุกเรื่อง ส่วนความเห็นผมไม่สนใจหรอก จะมาบอกว่าผมเคยเลือกผม เคยชอบ ผมไม่สนใจหรอก จริงๆ เพราะผมมีแต่คอยช่วยพวกคุณ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง