พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มอบหมาย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร. แถลงต่อสื่อมวลชนแทน ถึงการเตรียมรับมือการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย. 63 โดยใช้ชื่อว่า "19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร" ว่า เบื้องต้นได้ฟังจากการข่าวทราบว่าจะมีการชุมนุมในพื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เท่านั้น ส่วนที่แกนนำระบุว่าหากมีคนมาร่วมจำนวนมากจะใช้พื้นที่สนามหลวงจะอนุญาตหรือไม่นั้น ก็ต้องดูสถานการณ์ก่อน แต่เบื้องต้นแจ้งเพียงว่าจะชุมนุมในธรรมศาสตร์ ดังนั้นหากมีการเคลื่อนก็ต้องคุยกันหน้างานอีกครั้ง ไม่สามารถบอกอะไรได้ตอนนี้ ซึ่งต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ต้องดูว่ามาแล้วปลอดภัยอะไรหรือและปัจจัยอีกหลายอย่าง
ห่วงมือที่สามสวมรอยป่วน
ส่วนแกนนำผู้ชุมนุมได้ยื่นขออนุญาตใช้พื้นที่แล้วหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ยื่นซึ่งต้องยื่นภายใน 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรี ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ แต่กำชับให้เจ้าหน้าที่อดทนอย่างเดียวและอย่าใช้ความรุนแรง ซึ่งนายกฯเป็นห่วงเรื่องการปะทะ และยื้อยุดฉุดกระชาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงอยู่แล้ว และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สร้างเงื่อนไขและระวังตัวอยู่แล้ว ส่วนมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่นั้น ก็อยู่ที่การพูดคุยกันซึ่งทุกม็อบก็มีแกนนำ ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แล้วดังนั้นก็ต้องดูว่าอะไรได้หรือไม่ได้ ขณะเดียวกันยอมรับว่ามีความกังวลในเรื่องมือที่สาม เพราะหากไม่มีจะดีกว่า จึงต้องป้องกันอยู่แล้ว เพราะไม่ว่าม็อบอะไรเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้นแต่ต้องดูแล และจากการข่าวทราบว่า เบื้องต้นจะชุมนุมไม่เกิน2 วัน
เผยรู้ตัวละครอยู่เบื้องหลังม็อบ
เมื่อถามว่าจากการข่าวระบุหรือไม่ว่าเป็นการชุมนุมธรรมดาหรือมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องนี้ขอไม่เปิดเผยแต่เรารู้ตัวละครอยู่แล้วใครทำอะไรอย่างไรและแบ่งกันอย่างไร อย่างไรก็ตามขอฝากทุกม็อบให้อยู่ในกรอบของกฎหมายจะดีที่สุด ทั้งนี้ แกนนำยืนยันว่าหากผู้ชุมนุมเกิน 50,000 คน จะขยับเข้าพื้นที่สนามหลวงให้ได้ ผบ.ตร. กล่าวว่า ขอให้อยู่ในกรอบกฎหมาย ตนบอกทุกครั้งกฎหมายหากนับ 1 ก็ต้องไปไป 2 -3 -4 ดังนั้นไม่อยากเห็นน้องๆ อยู่ในสถานการณ์แบบแกนนำในอดีตที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล จึงฝากเป็นข้อคิดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย ส่วนที่ขณะนี้ยังมีการบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะใช้กำลังทหารมาร่วมหรือไม่นั้น ยืนยันว่า ทหารไม่เกี่ยว เป็นเรื่องตำรวจอย่างเดียว แต่เชื่อว่าถ้าพูดคุยกันเข้าใจก็ไม่ต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมาก ซึ่งจริงๆแล้วตนก็ไม่อยากใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยซ้ำ แต่จำเป็นต้องดูแลความปลอดภัยของคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย ส่วนมั่นใจว่าจะคุยกับแกนนำรู้เรื่องหรือไม่นั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ก็ต้องคุยแต่หากอยากให้บ้านเมืองวุ่นวายก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เชื่อว่าจะคุยกันได้
ยืนยันไม่ใช้แผนกรกฎ 52 คุมม็อบ
ส่วนที่จะมีบางกลุ่มเคลื่อนไหวก่อนวันที่ 19 ก.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายจับดำเนินคดีแกนนำก่อนชุมนุมใหญ่หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า พยายามดูบริบทส่วนนี้ด้วย ว่าถ้าจับกุมแล้วจะนำไปสู่ความต่อเนื่องก็จะหลีกเลี่ยงอยู่แล้ว ส่วนจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่หลายกองร้อยหรือไม่ ยังไม่ได้เตรียมการ แต่เบื้องต้นได้สำรวจหมดแล้วว่าพื้นที่มีคนจำนวนเท่าไหร่อย่างไรซึ่งย้ำว่าต้องดูแลความปลอดภัยให้ดีที่สุด ส่วนถือว่าเป็นงานยากหรือไม่นั้นที่ผ่านมาตนเองก็ผ่านม็อบมาเยอะ แต่ครั้งนี้แปลกจากที่ผ่านมาตรงที่ผ่านมาตรงที่เป็นน้องๆ นักศึกษาและมัธยม ดังนั้นความยากง่ายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ได้ประเมินไว้ว่าจะมีแกนนำจากทั่วประเทศมาร่วม ผบ.ตร. กล่าวว่า เป็นแนวคิดที่จะสามารถรวบรวมชักจูงใครมาได้ และเจ้าหน้าที่ก็มีฐานข้อมูลของต่างจังหวัดอยู่แล้ว แต่ยืนยันไม่ได้ใช้แผนกรกฎ 52 เพราะไม่มีนโยบายใช้รุนแรงอยู่แล้ว และย้ำว่าจักนายกฯ กำชับให้เจ้าหน้าที่อดทนจึงไม่มีใช้ชื่อแผนอะไรทั้งสิ้น แต่เป็นการดูแลความปลอดภัยตามปกติ
ส่วนมองว่าเป็นการวัดกำลังก่อนเกษียณอายุราชการไปสมัครผู้ว่าหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวปฏิเสธว่า "ไม่เกี่ยวเลย เป็นงานปกติของผมอยู่แล้ว และวันชุมนุมผมก็จะอยู่ในพื้นที่อยู่แล้วไม่เคยไปไหน"
อนุดิษฐ์ ยืนยัน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถูกขอเงินช่วยงานชุมนุมใหญ่ ไม่เป็นความจริง
ด้าน น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการปล่อยข่าว ว่า ส.ส. ของพรรคหลายคนถูกร้องขอเงิน จากแกนนำม็อบ นักศึกษา เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายจัดการชุมนุมใหญ่วันที่ 19 ก.ย. 2563 นั้น ไม่เป็นความจริง เป็นการปล่อยข่าว เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของการชุมนุม และเป็นความพยายามสร้างข่าวเท็จเพื่อให้พรรคเพื่อไทยได้รับความเสียหาย ในฐานะเลขาธิการพรรค และอยู่ในการประชุมของพรรค ขอยืนยันว่า ส.ส. พรรคเพื่อไทย ไม่เคยพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าว ทั้งในแง่ส่วนตัวและในวงประชุมของพรรค
"นี่คือการเต้าข่าวเป็นการปล่อยข่าวเท็จออกมา เพื่อลดความน่าเชื่อถือและทำลายชื่อเสียงของพรรคเพื่อไทย ดูจากข่าวเป็นลักษณะของการปล่อยข่าวไม่มีตัวตนของผู้ให้ข่าว ทั้งผู้ให้และผู้รับจึงเป็นการโกหกอย่างแน่นอน" น.อ. อนุดิษฐ์ กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง