บริษัทโมเดอร์นาออกแถลงการณ์ล่าสุดในวันที่ 8 มิ.ย.ว่าหลังการทดสอบวัคซีนตัวล่าสุดที่เป็นการผสมวัคซีนสูตรเก่าและการปกป้องรูปแบบใหม่เข้าด้วยกันพบว่า ตัววัคซีนที่ได้มีประสิทธิภาพในการป้องกันผู้คนจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่สูงขึ้น
การศึกษาขั้นต้นของโมเดอร์นาชี้ว่า กลุ่มคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนใหม่นี้มีแอนติบอดีที่สามารถป้องกันไวรัสได้สูงขึ้น 8 เท่า และสามารถรับมือกับโอไมครอนได้โดยตรง
ปัจจุบันวัคซีนโควิดที่มีการใช้กันอยู่ทั่วโลกยังคงเป็นการพัฒนาวัคซีนจากเชื้อไวรัสโคโรนาแบบดั้งเดิม ยังไม่มีวัคซีนที่สามารถรับมือกับการกลายพันธุ์ใหม่ๆ ได้โดยตรง แต่ในภาพรวมนั้นสามารถป้องกันการป่วยหนักจนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตได้เป็นอย่างดี
การกลายพันธุ์ของไวรัสยังคงดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็วในลักษณะที่พวกมันสามารถหลบหลีกการทำงานของวัคซีนที่มีอยู่ปัจจุบันได้และก่อให้เกิดการติดเชื้อในลักษณะอาการที่ไม่หนักมาก
ปัจจุบันหน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ และองค์การอนามัยโลกกำลังพิจารณาว่าควรที่จะมีคำสั่งในการเปลี่ยนแปลงสูตรผลิตวัคซีนสำหรับการแจกจ่ายช่วงปลายปลายปีนี้หรือไม่ เพราะจะเป็นการเข้าสู่ช่วงของการระบาดไข้หวัดใหญ่และจะเป็นช่วงที่นักเรียนในฝั่งสหรัฐฯ จะเริ่มต้นปีการศึกษาใหม่ในช่วงเดือน ก.ย.
สำนักข่าว CNA ชี้ว่า คำถามที่สำคัญมากในขณะนี้คือ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะดำเนินไปในทิศทางใดเนื่องจากมีการกลายพันธุ์ตลอดเวลาและวัคซีนชนิดใหม่จะต้องพัฒนามาเพื่อจัดการกับโควิดสายพันธุ์ใดกันแน่ เพราะโลกได้เห็นแล้วว่าสายพันธุ์โอไมครอนที่เกิดการกลายพันธุ์ขึ้นมาใหม่ ก็สามารถกลายมาเป็นสายพันธุ์หลักในการระบาดได้แทนสายพันธุ์เดลตาในเวลาอันรวดเร็ว
โมเดอร์นาระบุเพิ่มเติมว่า การทดสอบที่มีขึ้นเป็นการทดสอบฉีดวัคซีนชนิดใหม่กับกลุ่มตัวอย่าง 437 คนความปลอดภัยของวัคซีนไม่ต่างกับวัคซีนแบบบูสเตอร์ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าความสามารถในการปกป้องผู้คนจากโอไมครอนของวัคซีนใหม่จะคงอยู่ได้เป็นระยะเวลายาวนานเท่าใด