ไม่พบผลการค้นหา
กว่า 6 ปี บนเส้นทางสายบันเทิง ของ พระเอก ซุปตาร์สายฟ้าแล่บ 'เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข' วัย 25 ปี ฝ่าดราม่ากระแสข่าว มาแล้วนับไม่ถ้วน ซึ่งเขาสามารถรับมือเรื่องราวต่างๆ ในฐานะคนสาธารณะ

'เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข' พระเอกหนุ่ม ที่โด่งดัง จากละครเรื่องแรก ซีรีส์ สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายพุฒิภัทร ในวัยเพียง 19 ปี ที่ทำให้เด็กหนุ่มธรรมดา จากจังหวัดพิจิตร กลายเป็นซุปตาร์เพียงชั่วข้ามคืน

ตลอด 6 ปีในวงการบันเทิง เขามีผลงานมากมายหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานเพลง ละคร ภาพยนตร์ ที่มีทั้งในและต่างประเทศ แต่ไม่อาจล้างภาพจำไปจากใจของแฟนละครและแฟนคลับ ในการรับบท คุณชายพุฒิภัทร จากภาพจำนี้ กลายเป็น การแบกความคาดหวัง ของทุกคน ที่อยากให้เขา มีลักษณะเป็นเหมือนคุณชาย ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทละคร หรือ ชีวิตจริง ซึ่งจากความเป็น 'คุณชาย' นี้ ก็ทำให้มักจะตกเป็นข่าว ว่าเป็นคนที่เข้าถึงยาก หรือหากทำอะไรแปลกแตกต่างจากความเป็น คุณชาย ก็จะถูกดราม่า เป็นกระแสข่าวว่าไม่เหมาะสม

รวมถึงเรื่องราวดราม่า ล่าสุด กับเรื่องราวความรัก ที่ผ่าหัวใจของแฟนคลับทั่วประเทศ เมื่อเขาออกมายอมรับว่ากำลังศึกษาดูใจ สาวนอกวงการ การที่จะต้องรับมือกับข่าวต่างๆ ในโลกโซเชียล นักข่าว คนรอบข้าง และแฟนคลับ ในฐานะคนสาธารณะ คำนิยามที่คนบันเทิง มักจะได้รับ ผู้ชายคนนี้มีมุมมองที่น่าสนใจ และพร้อมรับมือในทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามา

รู้สึกยังไงกับคำว่า ดารา คือ คนสาธารณะ

"คำว่า ดาราคือคนสาธารณะ ในความรู้สึกของผมเอง ผมไม่ได้มีอคติ กับ การเป็นบุคคลสาธารณะ ถ้าพูดถึงในหลักการ ผมคิดว่าคนเป็นดาราหรือนักแสดง เขาแค่สร้างผลงานศิลปะอย่างหนึ่ง แต่บังเอิญเขามีคนชื่นชอบในผลงานมาก คนก็เลยมองว่าคนๆ นี้กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ของคนทั้งประเทศ"

ในมุมมอง ของเจมส์ จิ ขอบเขตความเป็นส่วนตัวของคนสาธารณะมีขอบเขตขนาดไหน

"อันดับต้นๆ ที่ต้องคิด หรือที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ก็คือเรื่องที่ไม่ดีเท่านั้นเอง พอเราทำงานตรงนี้มีคนชื่นชอบเยอะไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ หรือใครก็แล้วแต่ คนที่เห็นก็อาจจะเอาไปทำตามเป็นบางอย่าง แต่ผมว่าขอบเขตเรื่องอื่นๆ ไม่ได้มีความหมายมากนัก เพราะจริงๆแล้วศิลปิน หรือคนทั่วไป เขาเป็นแค่คนปกติ คนๆ นี้มี SAVE ZONE อยู่เท่านี้ คนคนนี้พอใจที่จะเปิดเผยอยู่เท่านี้ มันไม่ได้เป็นแค่เรื่องของดารา หรือ คนทั่วไป แต่ผมว่า เป็นเรื่องปกติ ในสัจธรรมของมนุษย์ทุกคน

"สำหรับตัวผม เราไม่สามารถมาตั้งโต๊ะอธิบายได้ว่า ขอบเขตเราเท่านี้ๆ นะ แต่ว่าเราแค่ใช้สัญชาติญาณเหมือนคนปกติทั่วไป ที่พอใครเข้ามาใน SAVE ZONE ที่เราไม่ค่อยชอบ เราก็จะแสดงปฏิกิริยาบางอย่างออกไป หรือการบอกกล่าวออกไปให้เขาฟัง"




เจมส์ จิรายุ

มีวิธีรับมือ และการปรับตัวอย่างไร เมื่อถูกล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว

"ผมใช้การพูดคุยกับเขา ว่าสิ่งนี้มันสร้างความไม่สบายใจกับเรานะ จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ส่วนใหญ่เราก็ปรับไปตามสถานการณ์ ทั้งกับเพื่อน การทำงาน และคนที่ชื่นชอบเรา เราค่อยๆ พูด ค่อยๆ บอก พยายามให้ใช้ชีวิตด้วยกันได้ เราแค่จะอธิบาย"

มุมมอง ของเด็กหนุ่มธรรมดาจากจังหวัดพิจิตร ที่ต้องกลายเป็นคุณชายพุฒิภัทร ภาพจำในละคร สร้างความคาดหวังจากแฟนคลับ ส่งผลกับตัวเขาในหลายๆ ด้าน

"ผมว่ามีส่วนค่อนข้างเยอะนะครับ ทุกๆ คนไม่ได้ดูละครทุกเรื่อง แต่ บังเอิญไปชอบนักแสดง คนนี้ แล้วชอบที่เขาเล่นคาแรคเตอร์อันนี้ เขาก็ยังติดเป็นภาพจำในใจไปตลอด ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติมาก ที่คนจะชื่นชอบในคาแรกเตอร์ จะติดภาพในคาแรคเตอร์ ถ้าถามว่ามันเป็นปัญหาไหม ปัญหาจริงๆ ไม่ได้มีมากมาย อาจจะมีที่ว่า เขาอาจจะคิดภาพในละคร คนๆ นี้ เหมือนเล่นเป็นตัวร้าย คนๆ นี้ร้ายมากเลย ดูละครแล้วอยากเอาเปลือกทุเรียนปาใส่ แต่พอเจอตัวจริงน่ารัก ตรงกันข้าม บางคนในละครเป็นพระเอกมากๆ เลย แต่พอมาเจอตัวจริงนิสัยไม่ดีเลย ก็เป็นภาพจำของเขา ว่าในละครเป็นยังไง"




เจมส์ จิรายุ
"ผมก็ถูกคาดหวัง คือทุกคนจะอยากจะให้ดูเป็นผู้ชาย เนี๊ยบ ไม่พูดจาหยาบคาย เป็นคนดี เป็นคุณชาย ซึ่งมันก็เหมือนกับตัวผมเป็นบางมุม คนเรามีหลายมุม ผมเองไม่ได้ปรับตัว ผมใช้ชีวิตปกติ เพื่อจะให้แฟนๆ ได้เห็น ว่าตัวจริงของผมเป็นยังไง"

"บางทีคนที่ชื่นชอบผม ถ้าเขาอยากชอบผมแบบคาแรคเตอร์ในละคร ก็คงต้องไปเจอผมในละคร แต่ถ้าเขาชอบในตัวตนของผมและชิ้นงานอื่นๆ ที่ผมทำ ก็จะมาเจอกันได้ เพราะผมก็คอยดูแลเทคแคร์แฟนๆ ปกติ"

ตัวตนในละคร กับ ชีวิตจริง มีความแตกต่างมากน้อยยังไง

ต่างนะครับ พูดแบบเข้าใจง่ายๆ ตัวละครแต่ละตัวเขาจะมีวิธีคิดต่างๆ นานา มาจากบทพูดของตัวละครแต่ละตัว เวลาเราพูดไปในละคร คนดูก็จะรู้ว่าตัวละครตัวนี้ เป็นแบบไหน เพราะฉะนั้น คำพูดแต่ละเรื่องก็จะไม่เหมือนกัน สถานการณ์ที่ตัวละครเจอก็ไม่เหมือนกัน แต่ละเรื่องแต่ละตัวละครก็ไม่เหมือนกัน รวมถึงชีวิตจริง ก็ไม่เหมือนกันเลย

อนาคตอยากให้แฟนๆ มีมุมมองภาพลักษณ์แบบไหน

อยากให้เห็นว่า ผมคือคนปกติ ที่ตั้งใจสร้างสรรค์งานศิลปะ ละคร และเพลง ให้ทุกคนดู มันเป็นสิ่งที่อยากให้เขารู้ว่า ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบตัวเอง เวลาที่ทุกคนมองว่า ผมเป็นคนดังมาก ทำอะไรได้ยาก ผมอยากให้มองว่า ผมแค่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่สร้างสรรค์งานศิลปะเท่านั้นเอง ไม่ได้อยากว่าแบบ ต้องเป็นซุปเปอร์สตาร์


"คนเราไม่มีใครที่ดีที่สุดไปตลอดกาล หรือเป็นคนที่เลวที่สุดไปตลอดกาล มันจะมีแค่คนเทาๆ แค่นั้นเอง"





เจมส์ จิรายุ

ชิ้นงานล่าสุด ละคร 'กรงกรรม' ภาพลักษณ์ใหม่ ที่อยากให้ทุกคนเห็นฝีมือการแสดง

ละคร กรงกรรม ที่ผมรับบทบาท 'อาซา' ตอนเล่นผมก็ยังไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นยังไง แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงตัดต่อ ทุกคนที่ได้ดู บอกว่า เล่นแบบลืมคาแรคเตอร์ตัวเก่าไปเลย ไม่ว่าจะเป็น พี่สมรักษ์ พี่แดง ธัญญา หรือพี่ทีมตัดต่อ เขาบอกว่า ลืมไปเลยว่า เจมส์ เคยเล่นละครเรื่องไหนมาบ้าง ภาพอื่นๆ ที่เคยเกิดขึ้นมันหายไปหมดเลย สำหรับละครเรื่องนี้ทุกคนบอกว่า ผมเล่นเป็นตัวละคร ได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์

ผมเชื่อว่า กรงกรรม น่าจะเป็นอะไรที่แตกต่างที่สุด และเป็นงานศิลปะที่ผมตั้งใจมากๆ ที่ทำให้ทุกคนได้ดู มันไม่ใช่ละคร ที่มีอะไรแบบจิ้นๆ ฟินๆ แต่เป็นละครที่ดูแล้วให้แง่คิด คนเราไม่มีใครที่ดีที่สุดไปตลอดกาล หรือเป็นคนที่เลวที่สุดไปตลอดกาล มันจะมีแค่คนเทาๆ แค่นั้นเอง บางเวลาเป็นคนดี หรือบางเวลาเป็นคนไม่ดี

"ในปีนี้ จะมีงานเพลง ที่ตั้งใจทำ ซึ่งไม่เหมือนที่เคยทำมาก่อน และอาจไม่ใช่เพลงที่ร้องกันได้ ทั่วบ้าน ทั่วเมืองแต่มันเป็นเพลงที่ เป็นตัวผมมากที่สุด" เจมส์-จิรายุ กล่าว