พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรรเสรีรวมไทย นำสมาชิกพรรค เดินหาเสียง และ พบปะประชาชนบริเวณถนนอโศกมนตรี และ เดินเข้าไปภายในตลาดรวมทรัพย์ โดยตลอดการเดินได้มีการกประกาศนโยบายพรรคผ่านเครื่องขยายเสียง พร้อมกับมีการแจกแผ่นพับเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนเลือกพรรคตนเองเป็นรัฐบาล ซึ่งบรรยากาศตลอดการเดินรับสมัครสมาชิกนั้น มีประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจ และ ขอถ่ายรูปกับหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยตลอดทาง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เปิดเผยว่า การเดินหาเสียงในวันนี้ถือว่ามีผลตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ทุกคนที่เดินผ่านไปมามีท่าทียิ้มแย้มแจ่มใส และ ขอถ่ายรูปตนเองอยู่ตลอด ซึ่งต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก ส่วนกรณีที่รัฐบาล คสช. ประกาศปลดล็อกทางเมืองเมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมานั้น
ส่วนตัวเห็นว่า ถ้าเปิดดูคำสั่งที่ 22 จะยกเลิกคำสั่ง คสช. 9 ข้อ แต่ก็ไม่ได้ทำให้พรรคการเมืองได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย อาทิ การยกเลิกคำห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ก็ไม่มีผลอะไรกับพรรคการเมือง ซึ่งเป็นสูญญากาศที่ยังไม่มีพระราชกิจฎีกาเลือกตั้ง ฉะนั้นแล้วถ้าพรรคการเมืองจะทำอะไร อาทิ การหาเสียง การติดแผ่นป้ายโฆษณา ก็ทำได้ แต่เมื่อถึงวันที่ 2 มกราคม 2562 ก็จะต้องปฎิบัตมกฎของคณะกรรมการการเลือกตั้งอยู่ดี
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังเปิดเผยอีกว่า ปัจจุบันประชาชนมีความยากจน มีหนี้สินมากมาย อีกทั้งตอนนี้ประเทศยังมีหนี้สาธารณะเกิดขึ้นถึง 6.78 ล้านล้านบาท และ ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งหากตนเองได้เป็นรัฐบาลจะเน้นนโยบายทำให้เกิดความเท่าเทียมในสังคม ประชาชนอยู่ดีมีความสุข จะออกกฎหมายต่าง ๆ ที่เกิดความเป็นธรรม ลดความเลื่อมล้ำภายในประเทศ และ จะต้องสามารถตรวจสอบการทำงานของผู้มีอำนาจได้
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังเป็นวิทยากร ตามคำเชิญของ สถาบันพัฒนาการเมือง พรรคเพื่อชาติ จังหวัดพังงา ในวันที่สี่ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของกำหนดการ พรรคเพื่อชาติสัญจรภาคใต้ ว่า ในส่วนของพรรคเพื่อชาติที่ตนเป็นกองเชียร์นั้น จะร่วมเปิดประเด็นในการเปลี่ยนแปลงภาคใต้ในแต่ละจังหวัดทั้ง 14 จังหวัด ซึ่งความเดือดร้อนของพี่น้อง 14 จังหวัดภาคใต้ มีทั้งความเหมือนกันและแตกต่างกัน ในส่วนของจังหวัดพังงา ก็จะมีปัญหาเรื่องราคาปาล์ม ราคายาง การท่องเที่ยว การประมงบางส่วน
ขณะที่ 3 จังหวัดชายแดนก็จะเป็นอีกปัญหา ซีกอ่าวไทย ก็จะเป็นปัญหาหนึ่งแต่ก็คล้ายๆกัน โดยภาพรวมก็ถือว่าพี่น้องชาวภาคใต้มีความยากลำบาก มีความยากจนที่ไม่เคยเกิดพานพบมาในช่วงหลายสิบปีนี้ ประชาชนต่างมีความคาดหวังกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง การแก้ไขปัญหา ทั้ง เรื่องคุณภาพชีวิต ปัญหาอดอยากให้กับพวกเขา
อย่างไรก็ดีในส่วนพรรคเพื่อชาติซึ่งเป็นพรรคที่เปิดกว้างทางการเมืองก็จะมีการเปิดเวทีรับฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว ปัญหาราคายางพารา ปาล์ม มะพร้าว หากพรรคได้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลถ้าประชาชนให้โอกาส ก็จะเอานโยบายของพรรค มาเป็นเงื่อนไขที่สำคัญในการร่วมรัฐบาลถ้าแกนนำรัฐบาลตกลงกันว่า การแก้ไขปัญหาเรื่องยางพาราควรจะเป็นวาระแห่งชาติ เรื่องการท่องเที่ยวก็ควรเป็นวาระแห่งชาติเรื่องพืชผลทางการเกษตรเรื่องการประมง ล้วนควรเป็นวาระแห่งชาติ ตนเชื่อว่าแกนนำรัฐบาลก็ต้องรับฟัง เพราะมันไม่ใช่เงื่อนไขส่วนตัวแต่เป็นเงื่อนไขการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน
นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่า เราพร้อมคุยกับทุกฝ่ายแต่ความเป็นพรรคเพื่อชาติแม้ว่าประกาศเป็นเกาะกลาง แต่มีจุดยืนประชาธิปไตยที่ชัดเจน เพราะฉะนั้นภายใต้หลักการประชาธิปไตยที่ชัดเจนเช่นนี้ ถ้าไม่เป็นประชาธิปไตยพรรคเพื่อชาติก็ไปเข้าร่วมด้วยไม่ได้ เพราะเราเป็นพรรคประชาธิปไตย แต่เป็นประชาธิปไตยที่เปิดกว้าง พร้อมจะพูดคุยกับทุกฝ่าย แต่ไม่ใช่ว่าจะไปร่วมรัฐบาลกับทุกฝ่าย จะร่วมเป็นรัฐบาลเฉพาะกับฝ่ายที่เป็นประชาธิปไตย