สำนักข่าว CNBC รายงานอ้างอิงผลงานวิจัยของ Dun & Bradstreet ศูนย์วิจัยด้านธุรกิจระดับโลก ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์สถานการณ์ของมณฑลสำคัญในจีนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นที่ตั้งของเครือข่ายธุรกิจที่เชื่อมโยงกับทั่วโลกมากถึง 49,000 แห่ง
ผลการศึกษาพบว่า ธุรกิจเหล่านี้คือสาขาและสำนักงานย่อยของบรรดาบริษัทนานาชาติมากมาย ซึ่ง 49 เปอร์เซ็นต์ของสำนักงานย่อยและสาขาเหล่านี้มีสำนักงานใหญ่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างฮ่องกง, 19 เปอร์เซ็นต์อยู่ในสหรัฐฯ, 12 เปอร์เซ็นต์อยู่ในญี่ปุ่น และอีก 5 เปอร์เซ็นต์อยู่ในเยอรมนี
นักวิจัยจาก Dun & Bradstreet ระบุว่า 163 บริษัทจากทั้งหมด 51,000 แห่งทั่วโลกติดอยู่ในรายชื่อของบริษัทอเมริกัน 1,000 แห่งที่มีมูลค่าสูงที่สุด หรือที่เรียกว่า Fortune 1000 และทั้ง 51,000 บริษัทนี้มีบริษัทซัพพลายเออร์โดยตรงแบบ 'เทียร์ 1' อย่างน้อย 1 แห่งอยู่ในพื้นที่ที่ไวรัสระบาดหนักของจีน
ขณะที่บริษัททั่วโลกราว 5 ล้านแห่งมีซัพพลายเออร์แบบ 'เทียร์ 2' อย่างน้อย 1 แห่งในพื้นที่เดียวกัน และในกลุ่มบริษัท 5 ล้านแห่งที่ว่านี้มีบริษัทที่ติดอยู่ในรายชื่อ Fortune 1000 ทั้งสิ้น 938 แห่งเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิด-19 ได้เริ่มสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา Moody's ได้จัดอันดับเครดิตเรตติงใหม่อีกครั้ง โดยได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกประจำปี 2020 ลง ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจ G-20 จะโตเพียงแค่ 2.4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขณะที่คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนก็ถูกลดลงมาอยู่ที่ 5.2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะกระทบเศรษฐกิจโลกต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจของจีนกินสัดส่วนราว 20 เปอร์เซ็นของ GDP โลก
