ไม่พบผลการค้นหา
'โคทม' ที่ปรึกษา กมธ.กฎหมาย ยืนยันกฎหมายไม่ได้ยุติธรรมเสมอไป ดังนั้นกฎหมายต้องอยู่ภายใต้หลักยุติธรรม ขณะอำนาจรัฐจะอ้างคุณค่านามธรรม มาลิดรอนสิทธิ์ปัจเจกบุคคลไม่ได้

โคทม อารียา ที่ปรึกษา กมธ.กฎหมาย บรรยายพิเศษ 'กมธ.กฎหมายกับความหวังในการอำนวยความยุติธรรมและพิทักษ์สิทธิมนุษยชน' ในงานของ กมธ.กฎหมาย ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ว่าด้วย ร่าง พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย (ฉบับประชาชน)​ หรือ กฎหมายป้องกันการทรมานและอุ้มหาย โดยระบุว่า ปี 2550 รัฐให้สัตยาบรรณรับรองกติกาสากล ว่าด้วย การป้องกันการทรมาน ต่อมาอีก 5 ปีรัฐไทยก็ลงนามกติการะหว่างประเทศ ว่าด้วย การป้องกันการอุ้มหาย ซึ่งรัฐไทย จะต้องมาออกกฎหมายภายในให้สอดคล้อง จึงเป็นร่างกฎหมายป้องกันการทรมานและอุ้มหายดังกล่าว ผ่าน สนช.ในยุค คสช. กระทั่ง กมธ.กฎหมายปัจจุบัน นำมาปรับปรุงให้ดีขึ้นและนำเข้าสู่สภาพิจารณาต่อไป มีการกำหนดการเยียวเหยื่อ, การกำหนดหรือลงโทษผู้กระทำผิดโยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ และมีการระบุถึงหลักฐานที่ได้มาโดยไม่ชอบของเจ้าพนักงาน ไม่ถือเป็นหลักฐานทางคดีได้ด้วยนั้น อยากขอให้ประชาชนตื่นตัว ติดตามความคืบหน้า เพื่อการมีส่วนร่วม ซึ่งรัฐธรรมนูญปัจจุบันกำหนดไว้

โคทม กล่าวถึงกรณีทรมานและอุ้มหายในประเทศ รวมถึงการผลักดันกฎหมายป้องกันเรื่องนี้นั้น คนส่วนใหญ่ไม่รู้สึกหรือตระหนัก เพราะคิดว่าไม่ถึงตัวเขา แต่วันใดที่โดนกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมรังแกแล้วจะรู้สึก ดังนั้น การปกป้องสิทธิ์ของคนๆเดียวไม่ให้ถูกรังแก ถือเป็นการปกป้องหลักยุติธรรมและคนในสังคมไม่ให้ถูกรังแกหรือเลือกปฏิบัติด้วย

โคทม ยืนยันด้วยว่า กฎหมายไม่ได้ยุติธรรมเสมอไป ดังนั้น กฎหมายต้องอยู่ใต้หลักยุติธรรม โดยยกหลักคิดของ 'จอห์น รอลว์ส' นักปรัชญาการเมืองและทฤษฎีว่าด้วยความยุติธรรม ชาวอเมริกัน ที่นิยามความยุติธรรมว่า 1.) คือ โอกาสเท่าเทียมกันของคนทุกคนไม่ว่าจนหรือรวย 2.) ความยุติธรรม ต้องช่วยผู้ด้อยโอกาสในจำนวนที่มากที่สุดให้ได้โอกาสมากขึ้น และ 3.)​ ยังต้องมีหลักสิทธิมนุษยชนด้วย

"ดังนั้น อำนาจรัฐจะอ้างคุณค่านามธรรม ทั้งความมั่นคง ความสงบต่างๆ มาลิดรอนสิทธิ์ปัจเจกบุคคลไม่ได้ รวมทั้งจะอ้างว่า หากเป็นคนดี ไม่ได้ทำผิด ไม่ต้องกลัวนั้น ก็ฟังไม่ขึ้น" โคทม ระบุ