ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เยี่ยมชมแอปพิเคชั่น ระบบบริหารจัดการปัญหาฝุ่นควัน AirCMI ซึ่งเป็นผลงานวิจัย ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และความร่วมมือของหลายหน่วยงาน โดยทดลองใช้ที่ จ.เชียงใหม่ ในการวัดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 อัพเดททุก 1 ชั่วโมง โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นไว้บนมือถือ เพื่อสร้างการรับรู้ ให้กับนักท่องเที่ยว และจะขยายทั่วประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ยังคงเน้นย้ำเรื่องการบังคับใช้กฎหมายให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน โดยเฉพาะการลดควันดำ ซึ่งรัฐบาลพยายามทำทุกวิถีทางในการสร้างการรับรู้ การตื่นตัว ให้รู้จักป้องกันตนเอง และต้องระมัดระวังในกลุ่มเสี่ยง เด็ก สตรี คนป่วย คนชรา เป็นต้น
"รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาทุกวิธีทาง ทั้งขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการลดการเผา และอยากให้ทุกคนรับรู้พร้อมกัน ไม่ใช่จ้องตำหนิรัฐบาลไม่มีผลงาน ทั้งนี้เกิดการทำงานอย่างบูรณาการ โดยเฉพาะเรื่องของงบประมาณไม่ใช่กระจุกอยู่ที่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง" นายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นชมรถตรวจสอบคุณภาพอากาศในบรรยากาศแบบเคลื่อนที่ ที่สามารถวัดค่าฝุ่นได้อย่างแม่นย้ำ และเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก พร้อมแจงว่า สาเหตุของการเกิดฝุ่นควัน อันดับหนึ่ง การใช้รถถึงร้อยละ 72.5 จากภาคอุตสาหกรรม ร้อยละ 17 ภาคส่วนการเผาในที่แจ้งมีเพียงร้อยละ 5 และอื่นๆ ครัวเรือนร้อยละ 2 เป็นต้น ดังนั้นต้องแก้การจราจรทางถนน พร้อมเปิดเผยว่า สถานการณ์ค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว เพราะรัฐบาลจริงจังในการแก้ปัญหา ทั้งการใช้น้ำบี 10 ซึ่งเป็นการช่วยลดฝุ่น และแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำด้วย การที่ออกมาวิจารณ์รัฐบาลไม่ผลงาน ก็อยากให้หันกลับมาดูด้วย ไม่ใช่จ้องตำหนิอย่างเดียว แต่ต้องช่วยกันแก้
นายกฯ ฝากเยาวชนต้นแบบร่วมขับเคลื่อนสังคม ลดความขัดแย้ง
นอกจากนี้กลุ่มเยาวชนต้นแบบเข้าพบและนำเสนอผลงานต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกอบด้วย ทีมแกะสลักน้ำแข็งจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่ไปแข่งขันได้รับรางวัลชนะเลิศ และรองชนะเลิศระดับโลก ณ เมืองฮาร์บิน ประเทศจีน ทีมนักกีฬายูยิตสู แชมป์โลก และนักจัดกิจกรรม กลุ่มแกนนำเยาวชน ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ชื่นชมที่เยาวชนช่วยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ และเป็นแบบอย่างที่ดีช่วยเหลือสังคมได้อย่างเต็มศักยภาพ อีกทั้งได้เผยแพร่วัฒนธรรมไทยสู่สายตานานาชาติ พร้อมฝากให้เยาวชนร่วมกันตั้งใจศึกษาและขับเคลื่อนสังคมให้เดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง ตลอดจนช่วยลดความขัดแย้ง
ทั้งนี้ ขอให้กรมกิจการเด็กและเยาวชนตระหนักถึงการให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชน พร้อมที่จะส่งเสริมสนับสนุน และเติมฝันเด็กและเยาวชนให้บรรลุเป้าหมาย เพราะเด็กและเยาวชนจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อน และพัฒนาชาติบ้านเมือง สืบทอดศิลปวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
อ่านเพิ่มเติม :