นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เรียกประชุมผู้ผลิตสินค้า ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า 56 ราย เพื่อหารือในประเด็นกำลังการผลิตและการกระจายสินค้า หลังผู้บริโภคเริ่มกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะอาหารแห้ง ว่า จากการหารือเบื้องต้นกับผู้ประกอบการไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2563 พบว่า ในส่วนของผู้ผลิตปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ร้อยละ 70 ของกำลังการผลิตรวมทั้งประเทศ ซึ่งยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าได้หากความต้องสูงขึ้น แต่ขณะนี้ยังมีไม่มีความจำเป็นที่จะขอความร่วมมือผู้ผลิตให้เพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงเพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และออกไปกักตุนซื้อสินค้า
"ในขณะนี้ไม่มีความจำเป็นต้องขอความร่วมมือผู้ผลิต ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มจากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้น เพียงแต่ว่าการจับจ่ายใช้สอยมากกว่าปกติ สินค้าใหญ่การขนย้ายต้องใช้ระยะเวลา ก็เลยดูว่าพอหรือไม่ แต่จากการคุยกันแล้วมีความเพียงพอแน่นอน" นายประโยชน์ กล่าว
ส่วนประเด็นที่มีห้างสรรพสินค้าติดป้ายในทำนองจำกัดการซื้อต่อคน และระบุว่าสินค้ามีจำนวนจำกัดนั้น รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า อาจจะเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดทำให้ผู้บริโภคตกใจ ดังนั้นจะมีการหารือกับผู้ประกอบการให้ปรับวิธีการสื่อสารกับประชาชนใหม่เพื่อไม่เกิดความวิตกกังวลจนเกินไป
สำหรับประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ายังมีการกักตุนหน้ากากอนามัย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า ทางกรมฯ ได้มีการตรวจสอบอยู่แล้ว ขณะนี้ยังไม่เห็นข้อมูลว่ามีการกักตุนอย่างที่ว่า แต่ก็ต้องตรวจสอบต่อไป ซึ่งขณะนี้มีการขอความร่วมมือผู้ผลิตเพิ่มกำลังการผลิตให้กับโรงพยาบาลเพื่อใช้ในทางการแพทย์มากขึ้น
ส่วนที่ว่าอาจจะมีบางโรงงานแอบเพิ่มกำลังการผลิตและมีการนำส่วนต่างออกมาจำหน่ายเองนั้น รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า ก็มีเป็นไปได้ ถ้าคิดทุกอย่างเป็นไปได้หมด แต่ยืนยัน กรมฯ มีระบบตรวจสอบ การหลุดรอดแทบจะเป็นไปไม่ได้ โดยเบื้องต้นกรมจะเร่งหารือในความจำเป็นกรณีหากเกิดคนที่ติดโรคจำนวนมากขึ้น
ทั้งนี้ การจัดสรรหน้ากากอนามัยจาก 11 โรงงาน ล่าสุด (ณ วันที่ 16 มี.ค.) มีจำนวน 1.76 ล้านชิ้น/ วัน จัดสรรให้กระทรวงสาธารณสุขเพื่อกระจายให้บุคลากรทางการแพทย์ 1 ล้านชิ้น ส่วนกรมการค้าภายในกระจายให้ประชาชนทั่วไป 7.6 แสนชิ้น
ในจำนวนนี้ กระทรวงสาธารณสุข กระจายให้กับ โรงพยาบาลในสังกักกระทรวงสาธารณสุข 5.7 แสนชิ้น, โรงพยาบาลเอกชน 1.4 แสนชิ้น, โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น 1.3 แสนชิ้น, โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย 1 แสนชิ้น, สมาคมคลินิก 6 หมื่นชิ้น ส่วนกรมการค้าภายในกระจายให้ประชาชนทั่วไป ผ่านช่องทางค้าปกติ 5.6 แสนชิ้น และร้านธงฟ้าประชารัฐ 2 แสนชิ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :