ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ของรัฐบาล และศูนย์ EOC กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานข้อมูลเบื้องต้นสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มรวม 9,635 ราย จำแนกเป็นยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,782 ราย และเป็นผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำที่ต้องขัง 6,835 ราย หายป่วยกลับบ้าน 1,397 ราย รวมผู้ป่วยสะสมระลอกใหม่ 82,219 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 25 ราย
ส่วนยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดรวม 111,082 ราย และยอดผู้เสียชีวิตสะสม 614 ราย ขณะที่วานนี้(16 พ.ค.)กรมควบคุมโรครายงานว่า ยังมีผู้ป่วยอาการหนักอยู่ 1,228 ราย ในจำนวนนี้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจถึง 408 ราย
อายุตม์ สินธพพันธุุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยว่าหลังปูพรมตรวจเชิงรุกพบว่าระหว่างวันที่ 12-16 พ.ค.นี้ มีผู้ต้องขังติดเชื้อรวมทั้งหมด 9,783 คนจาก 8 เรือนจำ ประกอบด้วย
เจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย สุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผบ.เรือนจำกลางเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวหลังมีรายงานว่ามีนักโทษติดเชื้อ 3,929 คน จากจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 6,469 คน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.64 ได้เข้าควบคุมโรคตามหลักการบับเบิลแอนด์ซีล หรือล็อกดาวน์ทุกห้อง ทุกแดน เป็นเวลา 28 วัน ตรวจหาภูมิคุ้มกันทุก 14 วัน ในรอบสุดท้ายคาดว่าจะเหลือผู้ไม่มีภูมคุ้มกันประมาณ 10%
โดยจะส่งคืนพื้นที่ปลอดเชื้อให้กับเรือนจำได้ในวันที่ 28 พ.ค.64 และขณะนี้การดำเนินการเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 ผลการดำเนินการเป็นที่น่าพอใจ นักโทษที่ติดเชื้อทุกคนมีอาการปลอดภัย จึงเชื่อมั่นว่าไม่มีผลกระทบในการระบาดต่อสังคมภายนอก กรณีผู้พ้นโทษจะต้องถูกกันตัวในสถานกักกันตัว หรือ LQ อีก 14 วัน เมื่อผลตรวจไม่พบเชื้อจึงให้กลับเข้าภูมิลำเนา
ด้านนายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผบ.เรือนจำกลางเชียงใหม่ เผยว่าเรือนจำเสียใจที่มีการติดเชื้อในเรือนจำ โดยสาเหตุการติดเชื้อ เกิดจากแดนการศึกษาที่มีนักโทษจากหลายแดนเข้าไปเรียนหนังสือ บทเรียนกักตัว 14 วันไม่พอ ต้องขยายเป็น 21 วันหรือ 30 วัน ตรวจ swab เพื่อตั้งรับการพัฒนาของเชื้อโรค เรามีผู้ต้องขังไม่ติดเชื้อกว่า 1 พันคน ในภาวะนี้ไม่มีการก่อปัญหาหรือจลาจล นักโทษให้ความร่วมมือกักตัว ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีกำลังใจและให้กำลังใจเพื่อนผู้ต้องขังด้วยกัน