วันนี้ (11 ธ.ค.2567) ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง ได้กล่าวบนเวทีปราศรัย หาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุบลราชธานี ว่า ‘ได้ข่าวแว่วๆ มาจากกรุงเทพฯ มาบอกให้สบายใจกันก่อน พี่น้องชาวนาฟังทางนี้ ได้ยินมาว่า งบช่วยเหลือชาวนา ไร่ละพันของจังหวัดอุบลราชธานี น่าจะโอนในวันพรุ่งนี้แล้ว’ เรียกเสียงเฮลั่นให้กับบรรดาผู้เข้าร่วมฟังปราศรัย
ณัฐวุฒิ กล่าวว่า วันนี้ตนมาในฐานะสมาชิกพรรค มาในฐานะเพื่อน ฐานะพี่น้อง และมาในฐานะคนหนึ่งที่ช่วยงานรัฐบาลชุดนี้อยู่และอยากจะมาบอกพี่น้องว่าวันพรุ่งนี้ 10.00 น ให้เปิดทีวีดูนายกฯแพทองธาร ชินวัตร แถลงนโยบายรัฐบาลที่จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ประกาศแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนทั้งระบบ
ณัฐวุฒิ ย้ำ รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาเศรษฐกิจ พิชิตความยากจน รัฐบาลกำลังทำงานเดินหน้า ก็อยากได้ผู้บริหารท้องถิ่น อย่าง นายกอบจ. เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะได้เข้ามาทำงานประสานในเรื่องงบประมาณ ในเรื่องโครงการพัฒนาทั้งหลาย
นอกจากนี้ ณัฐวุฒิ ยังกล่าวว่า มีคนมาถามตนว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ไหม เพราะรู้สึกไม่สบายใจเพราะเห็นนายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาแล้ว ออกมายื่นหนังสือ หลายคนมีความเป็นห่วงและไม่สบายใจ ตนขอพูดตรงนี้ รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีทุจริตคอรัปชั่น ไม่มีใครชาติ ไม่มีเสียดินแดน ดังนั้นมั่นใจได้ว่าอยู่ยาวๆจนหมดสมัย ประชาชนที่เห็นต่างกับรัฐบาล เราก็ไม่ได้ไปท้าทายเขาเราเป็นรัฐบาล ไม่หาเรื่องเผชิญหน้าประชาชน แต่เมื่อมั่นใจว่าไม่ได้ทำความผิด มั่นใจว่ารัฐบาลกำลังเดินหน้าเรื่องนโยบาย ก็ไม่มีความจำเป็นต้องกังวล บางคนก็ห่วงว่าจะเสียดินแดน ทำให้ตกเป็นของเพื่อนบ้าน จะเสียได้อย่างไร ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลย ยังไม่ได้มีกรรมการอะไรไปตกลงเลย เมื่อต่างคนต่างบอกว่าดินแดนตรงนี้เป็นของประเทศตัวเอง ก็ต้องมี บันทึกความเข้าใจพื้นที่ทับซ้อนของไหล่ทวีป(MOU 44) นี่คือปกติของประเทศที่มีชายแดนติดกัน จะมีพื้นที่ที่ตกลงกันไม่ได้เรียกว่าพื้นที่ทับซ้อน โดยปกติพื้นที่ทับซ้อนก็ไม่มีใครเข้าไปครอบครองก็ปล่อยเอาไว้ และสิ่งที่เป็นประเด็นอยู่จึงทำให้ต้องมีบันทึกจ้อตกลงขึ้นมา เพราะทั้งสองประเทศมองว่าถ้าจะคุยกันเรื่องนี้ต้องคุยกันตามข้อตกลงเพื่อให้เกิดความเห็นตรงกัน ยังไม่มีใครเสียแผ่นดิน ยังไม่มีใครเสียแผ่นน้ำ ดังนั้นให้สบายใจได้ และที่สำคัญ MOU 44 ที่มีประเด็นอยู่ก็เพราะว่า รัฐบาลทั้งสองประเทศเห็นตรงกันว่สใต้ทะเลตรงนั้น มีก๊าซมหาศาลมีพลังงานปิโตรเลียมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านล้านบาท จึงต้องพูดคุยกัน ใครจะเป็นรัฐบาลเพื่อขายดินแดน รัฐบาลนี้ไม่มี รัฐบาลนี้มาเพื่อบริหารประเทศให้ชาวนาขายข้าวได้ราคาขายยางพารา ได้ราคาดีขึ้น