วันที่ 21 มิ.ย. 2563 ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล กลุ่มผู้ประกอบการ ผับ บาร์ คาราโอแกะ และธุรกิจกลางคืนในหลายพื้นที่โดยเฉพาะใน กทม. เข้าหารือกับพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารก ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลาย ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ "ศบค.ชุดเล็ก" และคณะทำงาน รวมทั้งจากฝ่ายสาธารณสุข เพื่อหาแนวทางเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดกิจการ
นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร ยืนยันว่า ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือภาครัฐเกี่ยวกับมาตรการควบคุมโควิด-19 ตลอดมา โดยเห็นว่า ธุรกิจกลางคืนหลายแห่งและบางกลุ่ม ควรได้รับการปลดล็อก ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ตั้งแต่ระยะที่ 4 ที่ผ่านมา เพราะมีมาตรการเคอร์ฟิวครอบหัวผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการอยู่แล้ว สามารถนั่งดื่มหรือสังสรรค์ได้ไม่เกิน 22.00 น. ก็ต้องกลับบ้าน ขณะที่ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต่อเนื่องมาแล้ว 28 วัน แต่ผู้ประกอบการและผู้ทำอาชีพกลางคืนยังไม่ได้รับการผ่อนคลายให้ประกอบอาชีพได้เต็มที่ โดยเฉพาะนักดนตรีที่ไม่มีเงินเดือนประจำ ได้เพียงเงินเยียวยา 5,000 บาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต
นอกจากนี้ นายสง่า ยังเรียกร้องความชัดเจนจากภาครัฐว่า ให้เร่งคลายล็อกให้เร็วที่สุด และหากยืดเวลาออกไปอีก รัฐบาลต้องมีนโยบายหรือมาตรการเยียวยาช่วยเหลือที่ชัดเจน นับแต่ค่าครองชีพพนักงานหรือผู้ทำอาชีพกลางคืน มาตรการภาษีและอื่นๆ แต่ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ผ่อนคลายธุรกิจกลางคืนมากกว่า
ด้าน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า การคลายล็อกที่ผ่านมา ศบค.หารือกับผู้ประกอบการและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และการควบคุมโควิด-19 ได้สำเร็จเกิดจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งวันนี้จะนำข้อมูลและข้อเสนอแนะสำหรับการปลดล็อกระยะต่อไปเพื่อรวบรวมมาพิจารณาแต่ละกิจกรรมเสนอต่อ ศบค.ชุดใหญ่ต่อไป โดยนายกรัฐมนตรี หวังให้ธุรกิจต่างๆ ประกอบกิจการ ตามเดิมได้ในช่วงเดือน ก.ค. โดยคำนึงถึงความปลอดภัยไม่ให้เกิดการระบาดรอบที่สอง ซึ่งจะแก้ไขยาก สำหรับ ศบค.ชุดเล็ก มีหลักการ 2 ข้อในการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ
1. คือชั่งน้ำหนักแต่ละกิจการ โดยเน้นดูเรื่องความจำเป็น, ความเสี่ยงต่อโรคและผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม
2. เตรียมความพร้อมทั้งต่อผู้ประกอบการและประชาชนผู้ใช้บริการรวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลแต่ละส่วน