ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ ประกาศแก้ปัญหาโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ ขอทุกฝ่ายร่วมมือและเข้าใจรัฐบาล เผย ครม.เห็นชอบพ.ร.บ.โอนงบประมาณเข้างบกลาง 8 หมื่น-1แสนล้าน พร้อมออกพ.ร.ก. 3 ฉบับ ยืนยันจะใช้งบประมาณให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมได้นำมาตรการที่หารือในสัปดาห์ที่แล้วมาพิจารณา และได้สั่งการหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไปคิดหามาตรการออกมา ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้จ่ายงบประมาณจำนวนหนึ่ง โดยวันนี้ได้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรับโอนงบประมาณ ปี2563 มาใช้เป็นงบกลางเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่งมีการใช้งบประมาณปี 2563 ไปพรางก่อนมากพอสมควรแล้ว โดยจะนำเงินมาเติมในส่วนของงบประมาณกลาง 80,000-100,000 ล้านบาท เพราะขณะนี้งบกลางเหลือเพียง 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องนำเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏรและวุฒิสภาพิจารณาเห็นชอบ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ต้นเดือนมิถุนายน และ ออกพ.ร.ก.ให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการบริหารเชิงการเงินการคลัง ไม่ใช่การกู้เงิน วงเงิน 900,000ล้านบาท

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังเห็นชอบให้ออก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท แบ่งใช้ด้านสาธารณสุข 600,000 ล้านบาท และใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 400,000 ล้านบาท

ประกาศ ให้การแก้ปัญหาโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันเจตนารมณ์ อันแน่วแน่นในการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชนคนไทย ดังนั้นต้องขอความร่วมมือ สิ่งใดที่ยังเป็นปัญหาขอให้เข้าใจและเห็นใจรัฐบาล เพราะทำงานด้วยคนจำนวนมาก และในส่วนประชาชนก็มีมากเช่นกัน ทั้งการเดินทางกลับเข้าประเทศและสถานที่กักกัน ทั้งของรัฐและส่วนภูมิภาค และอีกหลายมาตรการที่ออกมา จะต้องบูรณาการกัน ประสานหน้างานให้ดี ทุกสถานที่ทั้งสนามบิน ซึ่งจะมีศูนย์ EOC ที่กำกับดูแลโดยกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานด้านความมั่นคง ขนส่ง คมนาคม ดังนั้นการตัดสินใจต่างๆ ต้องอยู่ภายใต้นโยบายรัฐบาล

ส่วนการเดินทางเข้าประเทศได้สั่งการให้ทยอยเดินทางเข้ามา เพื่อให้ง่ายต่อการส่งต่อเข้าพื้นที่ ดังนั้นขอให้ทุกคนเข้าใจ และขอประกาศให้การแก้ปัญหาโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ และตนในฐานะผู้นำยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน และขอให้เห็นใจรัฐบาลถ้าสามารถช่วยเหลือรัฐบาลได้ก็ขอให้ช่วย ซึ่งในส่วนของรัฐบาลถ้าผู้ประกอบการพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ว่า ได้รับผลกระทบจากโควิด19 รัฐบาลก็พร้อมช่วยเหลือผู้ประกอบการ แต่ไม่ใช่เหมารวม เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น งบประมาณเท่าไหร่ก็คงไม่พอ และทุกมาตรการต้องผ่านการคัดกรองของกฏหมาย พร้อมกันนี้ยืนยันว่าจะเข้มงวดกวดขัน ในการบังคับใช้งบประมาณให้เป็นตามวัตถุประสงค์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :