วันที่ 20 ม.ค. พรรคชาติไทยพัฒนา นำโดย วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษา ประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกรรมการบริหารพรรค ส.ส. และสมาชิกพรรค จัดการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1/2566 วาระพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค และเสนอนโยบายพรรคชาติไทยพัฒนากับการเลือกตั้งทั่วไป ปี 2566
วราวุธ ระบุว่า ที่มาของแคมเปญ 'ว้าว ไทยแลนด์' หรือ WOW มาจากคำว่า Wealth, Opportunity and Welfare For All คือการสร้างความมั่งคั่ง สร้างโอกาส และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อประชาชน โดยมีที่มาจากการระดมความคิดเห็นจากในพรรค และประชาชนกลุ่มต่างๆ จากทุกพื้นที่
หลักการสำคัญคือ นโยบายเชิงรุก และสร้างมุมมองใหม่ๆ โดยใช้สิ่งแวดล้อม เป็นแกนหลักในการกำหนดนโยบาย เน้นสร้างเศรษฐกิจสีเขียว พลังงานสะอาด เมืองสีเขียว สิ่งแวดล้อมสีเขียว ท่องเที่ยวยั่งยืน อาหารแห่งอนาคต เกษตรสีเขียวสาธารณสุขเชิงป้องกัน และการเมืองสร้างสรรค์
"เรื่องสิ่งแวดล้อม อาจฟังดูไม่ปัง ไม่ว้าว เหมือนนโยบายของพรรคอื่นๆ แต่ขอย้ำว่าสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นเรื่องติดตัวของเราเลย เป็นเรื่องของวันนี้ และเรื่องของอนาคต ที่เราจะทิ้งประเทศและโลกใบนี้ให้กับคนรุ่นหลังอย่างไร" วราวุธ กล่าว
สำหรับแนวนโยบายดังกล่าวจะครอบคลุมคนไทยทั้ง 4 กลุ่ม ประกอบด้วย ประชาชนเข้มแข็ง เกษตรกรแข่งขันได้ ธุรกิจขยับขยาย และคนไทยแข็งแรง
วราวุธ ยังเปิดเผยว่า 10 นโยบายพรรคชาติไทยพัฒนา ที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งปี 2566 พร้อมกันทั่วประเทศ ประกอบด้วย
1) รัฐธรรมนูญประชาชน (บรรหารโมเดล ปี 40) เราทำสำเร็จมาแล้ว โดยเป็นจุดยืนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยกลไกของสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่พรรคชาติไทย เคยทำสำเร็จมาแล้ว ในสมัยของ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี
2) เกษตรกรรุ่นใหม่ ขายคาร์บอนเครดิตได้
3) แจกพันธุ์ข้าวฟรีทั่วประเทศ 60 ล้านไร่ เพื่อลดต้นทุน และยกระดับผลผลิตให้มีคุณภาพมากขึ้น
4) ขยายเขตไฟฟ้าการเกษตร ทั่วประเทศ หน่วยละ 2 บาท
5) สานต่อระบบบาดาลขนาดใหญ่ทุกตำบล น้ำสะอาดทุกหมู่บ้าน
6) งบลงทุนท้องถิ่น 10 ล้านบาท
7) เรียนในสิ่งที่ใช่ ใช้ในสิ่งที่เรียน ปรับปรุงการเรียนการสอน พัฒนาทักษะวิชาชีพ ให้นักเรียนที่จบ ม.6 หรือ ปวช. สามารถออกมามีงาน มีรายได้รองรับ
8) สุขภาพดีมีเงินคืน สิ้นปีรับ 3,000 บาท หากไม่เจ็บป่วยเลยตลอดทั้งปี สวัสดิการอัปเกรดได้
9) สร้างงาน สร้างรายได้ แก่ผู้สูงอายุ เบี้ยคนพิการ เดือนละ 3,000 บาท
10) ระบบขนส่งมวลชน เข้าถึง เท่าเทียม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมใหญ่ของประเทศไทยพัฒนา สมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ในงานด้วย แต่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า อาจจะย้ายมาอยู่พรรคร่วมรัฐบาล หลังจากพรรคก้าวไกลไม่ส่งลงชิงที่นั่ง ส.ส.ในเขตเดิม
วราวุธ กล่าวถึงแนวทางการลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง โดยระบุว่า จะเริ่มกระจายการลงพื้นที่ไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทยตามที่ผู้สมัครฯ ส.ส. ร้องขอ แต่ไม่ได้เพิ่งเริ่มตอนนี้ เพราะพรรคได้ดำเนินการลงพื้นที่มาโดยตลอด
ส่วนความคืบหน้าในการสรรหาผู้สมัคร ยังคงมีการติดต่อแจ้งความประสงค์เข้ามาโดยตลอด และคาดว่าจะยมีไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา แล้วจะมีการโยกย้ายผู้สมัครรอบสุดท้ายอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ตรงตามกติกาของ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
เมื่อถามถึงแนวนโยบายที่จะผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ตามโมเดลของบรรหารศิลปอาชาอดีตนายกรัฐมนตรี ฉบับปี 2540 นั้น จะเป็นไปได้หรือไม่สำหรับวุฒิสภาชุดนี้ ซึ่งได้ปัดตกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจำนวนมาก
วราวุธ ชี้ว่า ที่มาของรัฐธรรมนูญ ปี 2548 โดยอดีตนายกฯ บรรหาร การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่ครอบคลุมประชาชนในทุกเพศทุกวัย ทุกกลุ่มอาชีพ หากเป็นเสียงสะท้อนจากประชาชนแล้ว คิดว่าคงไม่มีองค์กรใดจะสามารถเห็นต่างได้
ส่วนจะสามารถร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ที่เคยเสนอญัตติให้จัดทำประชามติจัดตั้ง สสร. เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น นายวราวุธ ระบุว่า ใครจะสามารถร่วมมือในการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ทางพรรคก็ยินดี
สำหรับนโยบายเบี้ย 3,000 บาท จะสามารถจัดสรรได้ทันทีหลังจากที่ได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ วราวุธ กล่าวว่า จากที่พรรคได้ทำงานเกี่ยวกับผู้พิการมานับ 10 ปี ได้มีการศึกษามาโดยตลอด สะท้อนถึงความตั้งใจจริงของพรรคที่จะดูแลพี่น้องคนพิการทั่วประเทศ จึงมั่นใจว่านโยบายนี้หากมีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาล สามารถผลักดันได้ทันที
"หลายคนที่ผ่านมาได้ทำคุณประโยชน์ บริจาคให้สังคมมากมาย เชื่อว่าด้วยงบประมาณที่มีอยู่ภายใต้การทำงานของกระทรวงต่างๆ ที่ดูแลเรื่องคนพิการ สามารถนำเม็ดเงินงบประมาณเหล่านั้นมาปรับใช้กับนโยบายได้"
เมื่อถามถึงเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาล วราวุธ กล่าวว่า ตนพูดอยู่เสมอว่าเลือกตั้งเสร็จแล้ว พรรคใดได้จำนวนคะแนนเสียงเท่าใด จึงจะมีการหารือพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง
"ตั้งเงื่อนไขวันนี้ไปก็ไม่เกิดประโยชน์ จำนวน ส.ส.ที่ได้หลังเลือกตั้ง จะเป็นตัวกำหนดว่าจะสามารถตั้งเงื่อนไขได้มากน้อยแค่ไหน หากมีอยู่เพียง 3 - 4 เสียง ก็คงไม่สามารถสร้างเงื่อนไขได้เท่ากับพรรคที่มี ส.ส.มากกว่า"
วราวุธ ยังกล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนา ตั้งแต่เป็นสมัยพรรคชาติไทย เคยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นมาหมดทุกบทบาทแล้ว ไม่ได้เดือดร้อนที่จะเป็นอะไร สำคัญที่ว่าจะมีจำนวน ส.ส. เพื่อทำงานกับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน
สำหรับการคาดการณ์การยุบสภาฯ วราวุธ มองว่า เวลานี้ใกล้จะสิ้นเดือน ม.ค. เหลือเวลาเดือนกว่าๆจึงจะครบสมัยของสภาชุดนี้ ดังนั้นการยุบสภา จะเป็นสัปดาห์หน้า เดือนหน้า หรือเดือน มี.ค.ช่วงเวลาเพียงแค่ 30 - 45 วัน แทบจะไม่มีความแตกต่างใดๆ พรรคจึงไม่ได้คาดหวังอะไร ยุบสภาเมื่อไหร่ก็พร้อมเมื่อนั้น
ส่วนความเป็นไปได้ในการยุบสภาก่อนที่กฎหมายเลือกตั้งจะได้รับการลงพระปรมาภิไธยกลับมา ตนคิดว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์นั้น เพราะอาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายต่อไปอีก ผู้ที่เกี่ยวข้องควรจะดูสถานการณ์ และรอให้ทุกอย่างลงตัวก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป
สำหรับการขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ตนมองเป็นโอกาสที่ดี ให้ได้ชี้แจงข้อกังขาของสังคม เป็นโอกาสของพรรคร่วมรัฐบาลในการชี้แจง แล้วสังคมจะมีแนวคิดอย่างไรก็คงต้องดูเหตุการณ์กันอีกครั้งหนึ่ง ยืนยันว่า ด้วยว่าการทำงาน 3 ปีกว่าของพรรคชาติไทยพัฒนา มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ให้พี่น้องประชาชนได้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนเหตุที่จะมีการยุบสภาก่อนการอภิปรายนั้นเป็นแค่การคาดการณ์ พรรคเราพร้อมชี้แจงอยู่เสมอ