ไม่พบผลการค้นหา
ศิริพร รู้สึกสบายใจดี หลังหย่ากับสามีเก่า บอกไม่เกลียดแต่ไม่อยากเจอหน้า ขอให้แยกย้ายกันไปทำมาหากิน ไม่คิดปิดประตูความรักครั้งใหม่ ปล่อยเป็นเรื่องของโชคชะตา

‘ศิริพร อำไพพงษ์’ นักร้องเพลงลูกทุ่งอีสาน เปิดใจกับทีมข่าว ‘วอยซ์ ออนไลน์’ ถึงชีวิตหลังหย่ากับสามีว่า ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ โดยพื้นฐานเป็นคนคิดบวก ไม่ค่อยคิดลบ และทำบุญมาตลอด อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ รู้สึกว่าชีวิตเป็นอิสระ ไม่ต้องไปรับผิดชอบในครอบครัว เพราะตัวคนเดียว วงเราก็ยกเลิกไปแล้ว ตอนนี้รับงานคนเดียว อยากไปไหนก็ได้ไป อยากนั่ง อยากนอน อยากกิน อยากพักผ่อนที่ไหนก็ได้ ส่วนเรื่องงานร้องเพลงก็รับบ้าง ไม่รับบ้าง เพราะบริษัทเข้าใจ อยากให้ไปพักผ่อนให้จิตใจ ความสูญเสียที่ผ่านมาทำให้เราเรียนรู้ว่า มีคนรักเรามากมายแค่ไหน

ศิริพร ยอมรับว่าเคยแอบร้องไห้คนเดียวในวันแรกวันที่อดีตสามีออกไปจากชีวิต เพราะความรู้สึกน้อยใจ แต่ไม่ได้คิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง และไม่เคยร้องไห้ออกสื่อหรือฟูมฟายกับเรื่องนี้อีกเลย เพราะคิดว่าร้องไปมันก็เอาอะไรกลับมาไม่ได้ สู้ร้องไห้อยู่คนเดียว ทำใจคนเดียว ชีวิตอยากไปไหนก็ไป แต่ต้องไปในทางที่ดี ไม่อยากให้ใครมามองว่าแก่ขนาดนี้ แล้วยังไม่รู้จักอะไร ชั่วดีอีก เพราะอันที่จริงก็รู้เรื่องมาตั้งนานแล้ว คือไม่อยากเป็นบาปกับใคร

“อยากบอกว่าน้ำตามีคุณค่ายิ่งนัก เอาไว้ร้องไห้กับพ่อแม่ คนที่เรารัก ตอนจากกันไปดีกว่า ถ้าเรื่องแบบไม่เป็นเรื่องอย่าร้องไห้ให้เปลืองน้ำตา... จะบอกอะไรให้นะ ร้องไห้แล้วมีใครสงสารไหม แล้วได้เงินเดือนไหม มีโชคมีลาภไหม เพราะฉะนั้น น้ำตามีคุณค่า ร้องไห้วันแรกแล้วจบเลย บอกตัวเองว่าจบแล้วนะ ก็จบจริงๆ” ศิริพร กล่าว

ศิริพร อำไพพงษ์.JPG

“กล้าพูดต่อไฟเลย ไม่ร้องไห้อีกเลย ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย ไม่ตายนี่ ถูกไหมคะ ไม่ได้มีผัวก็ไม่ตาย บอกอย่างนี้เลยค่ะ”

ศิริพร เล่าให้ฟังว่าเธอมีวิธีการทำใจด้วยการมองความเป็นจริงในปัจจุบัน เธอบอกว่า อดีตมันมองไม่เห็นตัว จะไปไล่จับตรงไหนก็ไม่ได้ เพียงแต่ในความคิดของคน มักคิดว่า ฉันเคยมีอดีต แต่ต้องอยู่กับปัจจุบัน มันเห็นกันเห็นๆ ตนก็เลยคิดว่าเอาปัจจุบันดีกว่า ถ้าอะไรมันจะใช่มันก็ใช่ สงสัยตนเป็นหนี้เขาตั้งแต่ชาติก่อน คนเรามันเกิดมากี่ภพกี่ชาติไม่มีใครรู้ อีกอย่างคิดว่าวาสนาเรามีต่อกันแค่นี้ แต่ความดีไม่มีใครเอาของเราไปได้ ดังนั้นเรื่องกำลังใจ ตัวเราเองต้องเป็นกำลังใจให้เราก่อน ฉะนั้นจะไปเที่ยวบอกใครว่าต้องเป็นกำลังใจให้ฉัน แล้วรู้ได้ยังไงว่าเขาจะจริงใจกับเรา ตัวเราเป็นกำลังใจให้ตัวเราเอง

เธอยังกล่าวย้ำว่า สบายใจมาก บอกได้เต็มปากเต็มคำเลย เพราะเป็นคนที่ไม่มีหนี้สิน มีบ้าน มีรถ มีที่ดินที่ไร่ที่นา และมีเงินเก็บเอาไว้ใช้ตอนแก่หรือตอนตาย เตรียมทุกอย่างไว้สำหรับดูแลตัวเองหมดแล้ว ไม่เคยคิดว่าจะให้ใครมาดูแล เพราะคิดว่าขนาดคนที่มีลูกจริงๆ ลูกบางคนยังไม่เลี้ยงพ่อแม่เลย เพราะคิดแบบนี้จึงมองว่าการอยู่คนเดียวไม่ลำบาก

ศิริพรบอกว่าไม่ได้รู้สึกเสียดายที่ไม่มีลูก และทุกวันนี้ดีใจมากที่ได้สัมผัสกับคำว่าแม่จากการเรียกของทุกคน เพราะคำว่าแม่มันสูงศักดิ์ยิ่งนัก เธอเป็นแม่วงก็ถูกเรียกแม่นาง บางคนก็เรียก พี่นาง ลูกหลานก็เรียกน้านางป้านาง แค่นี้ก็พอแล้ว

เธอบอกว่า สถานการณ์ปัจจุบันถือเป็นบุญเสียด้วยซ้ำ เพราะชีวิตที่ผ่านมาทำแต่งาน ไม่มีเวลาพักผ่อนหรือไปเที่ยว ถ้าจะไปต่างประเทศก็ต้องมีงานจ้างไปร้องเพลง ผิดกับทุกวันนี้ได้เที่ยวจริงๆ ถึงขนาดเคยพูดเล่นหน้าเวทีเลยว่า "ถ้ารู้อย่างนี้ กูเลิกตั้งนานแล้ว"

เมื่อถามว่าทุกวันนี้รู้สึกเกลียด หรือยังมองหน้ากันได้อยู่หรือไม่ ศิริพร ตอบว่า เธอเป็นคนไม่เกลียดใคร เกลียดคนไม่เป็น ต่อให้เอาปืนมาจ่อหัวให้เกลียดก็ไม่เกลียด แต่ไม่อยากได้ยินเสียง ไม่อยากเห็นอีก ไม่อยากมองแม้แต่เงา เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นคนใจยังไง ก็อย่าเจอดีกว่า ขอให้ต่างคนต่างทำมาหากินไป อะไรก็ให้หมดแล้ว เหมือนกับคำที่ ครูสลา คุณวุฒิ นักแต่งเพลง นิยามตัวเธอว่า ‘ผู้หญิงใจแมน’ คือเป็นคนที่สปอร์ต ถึงขั้นเคยบอกกับอดีตสามีว่า ถ้าหมดรักแล้วให้บอก จะไม่อะไรทั้งนั้น

ศิริพร อำไพพงษ์.JPG

เมื่อถามว่าโสดแล้วเสน่ห์แรงขึ้นหรือเปล่า? ศิริพร หัวเราะแล้วตอบสั้นๆ ว่า “อุตส่าห์ไม่อยากพูดถึงนะเนี่ย” ก่อนเล่าต่อว่า เมื่อก่อน โก้ อดีตสามีจะเป็นคนดูโซเชียลมีเดียให้ แต่พอเลิกกันบริษัทก็ให้พีอาร์มาสอนใช้โซเชียลมีเดียด้วยตัวเอง ตอนแรกก็ยังไม่ได้รับเพื่อน แต่ตกใจมากที่มีคนขอเพิ่มเพื่อนในเฟซบุ๊กเยอะมาก วันเดียว รับไม่หวาดไม่ไหว ทั้งคนที่เคยเห็น ทั้งฝรั่ง ทั้งแขก นักบินก็มี ส่วนคนที่ทักมาจีบก็มี เคยมีคนโทรมาบอกว่าขอเป็นแฟนจะเอาเงินเท่าไหร่ให้บอกก็มี แต่คิดว่าถ้าคนเรานิสัยไม่ตรงกัน ศีลไม่เท่ากัน วันใดวันหนึ่งก็ต้องได้เลิกกัน จึงไม่ได้ปิดโอกาสที่จะมีใครเข้ามา เพราะกลัวว่าถ้าบอกไปแล้ว เกิดมีคนที่ถูกใจขึ้นมา จะผิดคำพูด ขอปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาดีกว่า

ถ้าถามว่าจะมาจีบตอนนี้ ตนก็บอกว่าอย่ามาจีบเลย ไม่มีอะไรให้จีบ เลยวัยที่จะมีใครมาจีบแล้ว ถ้าถูกชะตา ค่อยว่ากัน ไม่ใช่มองว่าตัวเองเลิศเลอ แต่ความรักเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน ความรักมันดี แต่ก็ตั้งคำถามกลับต่อตัวเองว่ารักแบบไหนล่ะ แบบอยากได้ตัวเรา หรืออยากได้อะไรจากเรา ตนก็ไม่อยากจะคิดไป เพราะคนดีก็มีคนไม่ดีก็มี

“รักแท้เหรอ...เคยเห็นคนแต่งงานกันไหม แม่ไม่ได้ว่าอันนี้นะ พระราชทานน้ำสังข์อย่างดี 3 วัน หรือ 3 เดือน เดือนนึงเลิกกัน แม่ก็เลยบอกว่าความรักนี่มันมีอยู่จริง แต่ใครจะรักแบบไหน ลักปิดหรือลักเปิด...คำว่ารักมันมีอยู่จริงไหม มันก็ต้องมีอยู่ แต่มันมีอยู่ตรงไหน อยู่กับคู่ไหน รักจนตายจากกันนี่คือเขาเป็นเนื้อคู่กัน แต่ถ้าคุณรักสมมติรักกันอย่างนี้ ยังมีผู้ชายอื่น หรือมีผู้หญิงอื่น ก็แปลว่ามักมากถูกไหมคะ ไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักอิ่ม แม่นางคิดอย่างนั้นนะ ทั้งนี้ทั้งนั้นในเรื่องความรักเนี่ย ถ้าเราไปหมกมุ่นอยู่ในเรื่องความรัก ไม่ได้ทำอะไรเลย

ศิริพร เล่าต่อว่า ปีนี้อายุย่าง 55 ปี ปกติแล้วเวลาตกเลข 5 มักจะเจอเรื่องไม่ดี เช่น พี่ชายเสียชีวิตตอนอายุ 15 ปี พ่อเสียชีวิตตอนอายุ 25 ปี แต่ก็เชื่อว่าชีวิตเขาลิขิตมาให้เป็นอย่างนี้ต้องอยู่วัด ทำบุญ และชอบช่วยเหลือคน แต่ขอปฏิเสธว่าให้หวย เพราะตัวเองไม่ได้ให้ ขอโอกาสบอกตรงนี้เลยว่าไม่ได้ให้หวย ถ้าตนรู้ว่าหวยจะออกตัวไหน จะซื้อเอาคนเดียว รวยคนเดียว แต่ที่คนเอาทะเบียนรถตัวเองไปซื้อแล้วถูกหวยก็ถือว่าเป็นบุญของเขา

ส่วนผลงานเพลง ตอนนี้กำลังอัดเพลงใหม่ที่อาจจะปล่อยในช่วงออกพรรษา ซึ่งเป็นการรวมศิลปิน มาร้องคนละเพลง เพลงของศิริพร มีเนื้อหา “คิดฮอดแฟนเก่า” อาจจะเหมือนชีวิตตัวเองในอดีต แต่ตอนนี้ยืนยันว่าไม่เหมือนแล้ว