ไม่พบผลการค้นหา
'นักสิทธิ' กระตุกสังคม เรื่องใหญ่ของ 'หยก' คือการไม่มีผู้ปกครองที่ถูกต้องตามกฎหมายดูแล ชี้เรื่องนี้จะจบที่ 'ศาลครอบครัว' ยัน 'เยาวชนวัย 15' มีสิทธิเคลื่อนไหวโดยสันติวิธี วอนผู้ใหญ่ก้าวข้ามเรื่อง 'ทรงผม-เครื่องแบบ-วิธีการแสดงออก' เถียงกันมาเป็น 10 ปี ก้าวหน้าไม่ถึงไหน

วันที่ 15 มิ.ย. สุนัย ผาสุก ที่ปรึกษา Human Rights Watch ประจำประเทศไทย แสดงความเห็นกับ Voice ถึงกรณี 'หยก' เยาวชนวัย 15 ปี ที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิ หลังไม่มีสถานะนักเรียนว่า ต้องเริ่มจากภาพที่สังคมมองหยก ว่าเป็นนักกิจกรรม เรื่องสิทธิ และการแสดงจุดยืนต่างๆ และมองว่าสิ่งที่หยกกระทำนั้นเป็นการแสดงออกโดยสันติ ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ และเป็นสิทธิ์ที่ได้รับการรับรองทั้งในกติการะหว่างประเทศและรัฐธรรมนูญ และกติกาเกี่ยวกับสิทธิเด็ก และในเมื่อเขาแสดงออก ก็ควรจะได้รับการคุ้มครอง ซึ่งหากสังคมเห็นด้วยหรือไม่ก็สามารถถกเถียงและโต้แย้งกันได้ และโดยส่วนตัวการแสดงออกและทำกิจกรรมทางการเมืองของหยกไม่ได้ติดใจต่อเรื่องนี้เลย 

แต่พอมาถึงประเด็นของเรื่องที่โรงเรียน ซึ่งนั่นคือเรื่องสิทธิการเข้าถึงการศึกษาของเขา ซึ่งถูกประเด็นอื่นๆ มากลบหมดทั้งๆ ที่ประเด็นนี้เป็นประเด็นสำคัญที่สุด สังคมไปมองเรื่องหยกเคลื่อนไหวเรื่อง 112 ย้อมผมและใส่ชุดไปรเวท ทำให้ไม่สามารถเรียนได้ ซึ่งไม่ใช่เลย เพราะในเอกสารของโรงเรียน ชี้แจงโดยให้เหตุผลเรื่อง "การลงทะเบียนเข้าเรียน" ไม่ครบถ้วนตามกระบวนการโดยตามที่เวลากำหนด มันจึงเกิดคำถามต่อไปว่าทำไมการลงทะเบียนเรียนของหยกจึงไม่ครบถ้วน จึงได้คำตอบว่าเป็นเพราะ "หยกไม่มีผู้ปกครอง" ไม่สามารถติดต่อผู้ปกครองทั้งพ่อและแม่ได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยขณะนี้หยกอยู่ในความดูแลของเพื่อนรุ่นพี่ซึ่งไม่ได้มีสถานะตามกฎหมาย ที่จะเป็นผู้ปกครอง และไม่ได้มีการได้รับการมอบหมาย ตามกฎหมายให้เป็นผู้ปกครองเลย เพราะฉะนั้นจะไม่ได้จบแค่โรงเรียนในปัจจุบันของหยกเท่านั้น ทำให้น่ากังวลว่าถ้าหากหยกจะไปเรียนต่อที่ไหนก็จะเจอปัญหาในลักษณะเดียวกัน ก็คือไม่มีผู้ปกครองตามกฎหมายจะไปมอบตัวเข้าเรียนให้ได้อย่างไร

"หนักไปกว่านั้น หยกอาจจะถูกฝ่ายจารีตนิยมแจ้งข้อกล่าวหา ม.112 อีกหลายคดีซึ่งหากถูกจับอีกครั้ง หรือ ในคดีที่มีอยู่เดิม ถูกสั่งฟ้องก็อาจจะถูกคุมตัวไปอยู่ที่บ้านปราณีได้อีกครั้งหนึ่ง เพราะไม่มีผู้ปกครอง จึงอาจไม่ได้รับการคุ้มครอง ซึ่งเรื่องเร่งด่วนตอนนี้ก็คือ ให้ความคุ้มครองแก่หยกด้วยการแต่งตั้งผู้ปกครอง ที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งควรจะเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่สุด ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และทุกฝ่ายควรจะช่วยกัน" สุนัย แสดงความกังวล ต่อกรณีที่หยก ไม่มีผู้ปกครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย 

เมื่อถามถึงข้อถกเถียงในสังคมเช่นกรณีเรื่องการแสดงออกของหยกที่หลายฝ่ายมองว่าไม่เหมาะสม เรื่องการอ้างกาละเทศะ เพื่อนำมาลดทอน สิ่งที่เยาวชนวัย 15 ปี ต้องการสื่อสารให้สังคมตระหนักและรับรู้ ถึงปัญหาด้านสิทธิหรือไม่ สุนัย ตอบว่า ถ้ามองว่าสิ่งที่หยกทำนั้นผิดกาลเทศะ หรือไม่มีมารยาท สิ่งที่ทำกันมาก่อนหน้า ตั้งแต่สมัยสารพัดการชุมนุมที่ผ่านมาในประเทศไทย ไปไกลกว่าสิ่งที่หยกทำมาก ทำไมอยู่ๆบางคน โดยเฉพาะคนที่สนับสนุนประชาธิปไตย ไม่สามารถรับสิ่งที่หยกแสดงออกได้ ซึ่งตนก็มอง ละยืนยันว่า สิ่งที่หยกแสดงออกนั้นอยู่ในกรอบของการแสดงออกด้วยสันติวิธี 

"คุณต้องเข้าใจว่าการประท้วงมันต้องกวนตีนอยู่แล้ว การประท้วงหรือการต่อสู้ทางความคิด มันต้องหลุดออกจากกรอบของกาลเทศะ ถ้าเป็นฝ่ายจารีต นิยมเผด็จการ หรือ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมวิจารณ์เรื่องนี้ผมจะไม่มีความเอะใจ แต่พอเป็นคนที่อ้างตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย มาวิจารณ์โดยหยิบยกเรื่องนี้มาลดทอนมันไม่ใช่เลย มันทำให้คิดได้ว่าที่ผ่านมานี่ของปลอมหรือเปล่า? พอตัวเองในอดีตทำได้ แต่พอเด็กอายุ 15 ทำแล้วมาตั้งแง่ใส่ในเรื่องนี้" สุนัย กล่าว 

ถึงกรณีที่สังคมไทยยังคงถกเถียงมาเป็นเวลาหลาย 10 ปี ทั้งเรื่องทรงผม และชุดนักเรียน แม้ว่าสังคมสมัยใหม่ จะมีพัฒนาการทางความคิดด้านการเมืองเพิ่มมากขึ้น หรือมีการผ่อนปรนแล้วบ้างจากภาครัฐ ในช่วงระยะหลัง แต่ก็ยังมีคนในสังคมจำนวนหนึ่งเคร่งครัดเรื่องนี้อยู่ รวมถึงหยิบยกนำมาถกเถียงต่อในกรณีของ 'หยก' สุนัย แสดงความเห็นว่า สังคมไทยควรจะหลุดพ้นเรื่องนี้ไปได้ตั้งนานแล้ว สิทธิในเนื้อตัวร่างกายเป็นเรื่องของตัวบุคคลล้วนๆ ส่วนกรณีเครื่องแบบก็ไม่ได้มีผลต่อประสิทธิภาพการเรียน อย่างตอนนี้ก็เป็นประเด็นเรื่องทรงผม ก็ควรให้อิสระในแต่ละโรงเรียน ซึ่งอีกหนึ่งทางออกก็คือให้แต่ละโรงเรียน กับประชาคม ทั้งตัวเด็กเป็นหลัก รวมถึงผู้ปกครอง และชุมชนรอบๆ ว่าอะไรที่เป็นเรื่องที่เห็นพ้องร่วมกัน เช่นในกรณีเครื่องแบบนักเรียนถ้าหากอยากทดลองใส่ชุดไปรเวท ก็หาข้อตกลงกัน และหากจะเปลี่ยนใจกลับมาใส่เครื่องแบบอีกครั้ง ก็ไปหาข้อตกลงกันใหม่ ว่ากันไป มันควรจะให้เสรีภาพในการสร้างข้อตกลงกัน

"กลับมาที่กรณีของหยก ทำให้ผมรู้สึกตื่นขึ้นมา และนึกขึ้นได้ว่าสังคมนี้ 10 กว่าปี มันไปไม่ถึงไหนเลย ทั้งเรื่องการเคารพสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย และสิทธิในการกำหนดใจตนเอง" สุนัย กล่าว

ซึ่ง สุนัย ได้เสนอทางออกในกรณีของ 'หยก' ต่อทุกฝ่ายว่า ขณะนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทั้งตัวหยกเอง หรือทางโรงเรียน รวมถึงรุ่นพี่ที่ดูแลแทนผู้ปกครอง กำลังจะหาทางคุยกัน ซึ่งขณะนี้เข้าใจตรงกันแล้วว่าปัญหาหลักของหยก ก็คือเรื่องไม่มีแม่ซึ่งเป็นผู้ปกครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆที่เป็นทั้งกฎระเบียบของโรงเรียน และ ตามกฎหมายได้ และตัวหยกเองก็เปรียบเสมือนอยู่ในภาวะสุญญากาศไม่มีใครคุ้มครอง ไม่มีกลไกในการดูแลได้เลย และถ้าจะเดินต่อจะทำอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมา แม่ของหยก ก็เพียงแค่พูดปากเปล่าว่า ให้พี่ดูแลให้ซึ่งไม่มีผลทางกฎหมาย รวมถึงกรณีที่หยกออกจากบ้านตานีหลังจากถูกคุมขังมากกว่า 50 วัน จากคดีการเมือง และเข้าเรียนในโรงเรียน ก็เป็นการรับเข้าเรียนไปโดยพลางก่อนเท่านั้น จากนั้นรุ่นพี่ของหยกก็ไปตามตัวของแม่ ซึ่งสุดท้ายก็ไม่สามารถตามตัวได้ โรงเรียนทรงคุณครูไปช่วยตามถึงบ้านก็ไม่เจอตัวเหมือนกัน 

"เท่าที่ทราบทางออกเบื้องต้นภายในสัปดาห์นี้ ถึงสัปดาห์หน้าจะมีการนัดคุยกัน และ แนะนำว่าควรจะมีทนายความหรือนักกฎหมาย มาร่วมให้ความเห็น ว่าแนวทางต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ตัวแทนจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะมีหรือไม่ ทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะมีตัวแทนมาหรือไม่ การดูแลสวัสดิภาพของเด็ก จะมีคนมาช่วย ทั้งฝั่งโรงเรียนและฝั่งของหยก หรือไม่ รวมถึงหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง 

รวมถึง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ซึ่งเข้าใจว่า กสม.ก็จะส่งตัวแทนมาแต่ขอให้เป็นคนที่มีอำนาจ สามารถพูดแทน กสม.ได้ ไม่ใช่เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ เรื่องนี้ กรรมการ กสม.ต้องมาด้วยตัวเอง เพื่อจะได้ตอบโจทย์เรื่องการแก้ปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า ด้วยการหาผู้ปกครองมาดูแลหยกได้อย่างไร และผมคิดว่าจะไปจบที่ ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ โดยการยื่นเรื่องไต่สวนผู้ปกครองผ่าน ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ คิดว่าต้องไปทางนั้น แต่ต้องตกลงกันให้ได้ก่อน ว่าจะเอายังไง 

และหยกไม่ใช่เด็กคนเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีผู้ปกครอง การช่วยหยกก็จะวางบรรทัดฐานให้กับเด็กและเยาวชนคนอื่นๆ ซึ่งไม่จำเป็นที่จะเป็นเฉพาะเด็กที่เคลื่อนไหวทางการเมืองหรือนักกิจกรรมเท่านั้น แต่เรากำลังหมายถึงเด็กเยาวชนทั่วไป ที่ไม่มีผู้ปกครอง และเขากำลังอยู่ในสภาวะสูญญากาศ ทั้งในเรื่องสิทธิในการเข้าถึงการศึกษา สิทธิที่ได้รับความคุ้มครองจากอันตรายต่างๆ รวมถึงสิทธิต่างๆที่พึงได้รับ เขาจะได้รับสิ่งนี้เหมือนกัน ผมมองว่ากรณีนี้ถ้าหาทางออกได้นอกจากช่วยยกแล้ว ยังจะได้เป็นแนวทางในการ ช่วยเหลือในกรณีอื่นๆ ของเด็กและเยาวชนที่ไม่มีผู้ปกครองในสังคมต่อไป