ไม่พบผลการค้นหา
'เพื่อไทย' ชี้หนี้ครัวเรือนเข้าภาวะฉุกเฉิน ทั้งหนัก เน่า นอกระบบ จี้พักชำระหนี้ธุรกิจบริการ รายย่อย กระจายสินเชื่อ ลดรายจ่ายครัวเรือน

วันที่ 11 ก.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่ทำการพรรคเพื่อไทยว่า ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์นโยบาย พท. แถลงข่าวถึงภาวะฉุกเฉินหนี้ครัวเรือนไทย โดยระบุว่า หนี้ครัวเรือนไทยทั้งหนัก เน่า และนอกระบบ โดย ดร.เผ่าภูมิ ระบุดังนี้

1. “หนัก” : หนี้ครัวเรือนสิ้นไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 14.128 ล้านล้านบาท (90.5% ของ GDP) ตัวเลขนี้ยังไม่ได้สะท้อนผลจากการระบาดระลอก 2,3,4 รวมถึงระลอก 5 (ถ้ามี) ศูนย์นโยบาย พท. ประเมินหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ณ Q4/64 จะอยู่ที่ 92-93% ในกรณีที่ไม่มีระลอก 5 และอยู่ที่ 93-94% ในกรณีที่มีระลอก 5 นี่คือตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ตั้งแต่มีการรายงาน รัฐบาลทำลายสถิติตนเองทุกปี สูงสุดในประเทศกำลังพัฒนา สูงกว่าอินโดนีเซียราว 5 เท่าตัว กัมพูชาราว 3 เท่าตัว และเป็นกว่า 2 เท่าตัวของรัฐบาล ดร.ทักษิณ ซึ่งอยู่ที่ราว 43% เท่านั้น และแนวโน้มสูงขึ้นแบบไม่มีที่สิ้นสุด เข้าสู่ภาวะฉุกเฉินของหนี้ครัวเรือน เรียกได้ว่า “คนไทยจนทุกที่ มีหนี้ทุกหย่อมหญ้า”

2. “เน่า” : ไส้ในของหนี้ครัวเรือนก็เข้าขั้นฉุกเฉิน ในยอดรวมหนี้กว่า 14 ล้านล้านบาท เป็นหนี้เพื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคลถึงกว่า 10.8 ล้านล้านบาท นั่นคือ เกือบ 80% ของหนี้ไม่สร้างรายได้ คุณภาพของสินเชื่อภาคครัวเรือนจึงต่ำ มีโอกาสเป็นหนี้เสียจึงสูง โครงสร้างแบบนี้อันตราย อีกทั้งไทยประสบภาวะหนี้ครัวเรือนสูงกว่าหนี้ธุรกิจซึ่งอยู่ที่ 9.5 ล้านล้านบาทอยู่มาก การอุปโภคบริโภคมากกว่าการลงทุนภาคเอกชน เท่ากับประเทศไทยถอยหลังลงคลองในมิติของการพัฒนา

3. “นอกระบบ” : หนี้ครัวเรือนนั้นไม่รวมหนี้นอกระบบ เมื่อเศรษฐกิจแย่ คนตกงาน ไม่มีรายได้ ความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น แต่การให้สินเชื่อถูกจำกัด กอปรกับภาคบริการมีลักษณะเป็นธุรกิจนอกระบบสูง ทำให้ไทยประสบปัญหาที่ใหญ่กว่า นั่นคือ “หนี้ในระบบไหลสู่หนี้นอกระบบ” โดยหนี้นอกระบบต้องแก้ด้วยกลไกดึงหนี้เข้าสู่ระบบ ไม่ใช่ใช้กฎหมายแก้ที่ปลายเหตุเหมือนที่รัฐบาลทำ

4. ในภาวะฉุกเฉิน ในระยะสั้นรัฐบาลต้อง

4.1. ยืดและพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งระบบขนาดใหญ่ในวงกว้างในธุรกิจภาคบริการ และรายย่อย ตลอดช่วงเวลาฉุกเฉินทันที โดยรัฐบาลต้องชดเชยส่วนต่างและรายจ่ายดอกเบี้ยไปที่ธนาคารพาณิชย์ เพื่อทำให้การพักหนี้ในวงกว้างเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่แค่พักหนี้แบบนามธรรมเหมือนที่ผ่านมา

4.2. ผ่อนคลายและกระจายสินเชื่อในระบบทันที เพื่อป้องกันภาวะหนี้ในระบบไหลสู่นอกระบบ

4.3. หยุดเลือดการตกงานด้วยมาตรการคงการจ้างงานทันที และหยุดเลือดธุรกิจล้มโดยยกเลิกมาตรการพักทรัพย์พักหนี้และโอนวงเงินสู่ Soft Loan ผ่านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทันที

4.4. ลดภาระรายจ่ายครัวเรือนรายเดือนอย่างต่อเนื่องตลอดภาวะฉุกฉินทันที

4.5. ขยายกลไกสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดของกระทรวงการคลังทันที เพื่อดึงหนี้นอกระบบกลับสู่ในระบบ สนับสนุนและอุดหนุนกลไก Non-Bank ป้องกันการเกิดหนี้นอกระบบใหม่ทันที