นายเปียร์กา ตาปิโอลา เอกอัครราชทูตคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย แสดงความเห็นถึงสถานการณ์ทางการเมืองไทยหลังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายไป 90-120 วัน ซึ่งจะส่งผลให้มีการเลื่อนการเลือกตั้งจากเดือนพฤศจิกายนนี้ไปเป็นต้นปีหน้า และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ก็ยืนยันว่าหากต่างชาติ "แยกแยะได้" ก็จะเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับสหรัฐฯเมื่อครั้งเดินทางเยือนสหรัฐฯ ว่าจะมีการเลือกตั้งภายในเดือนพฤศจิกายน 2018 แต่เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่เกี่ยวกับการตัดสินใจของนายกฯ ซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร

นายตาปิโอลากล่าวว่า อียูเข้าใจดีถึงความแตกต่างระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเป็นฝ่ายอำนาจที่จำเป็นและเป็นอิสระในระบอบการปกครองประชาธิปไตย และนี่ก็คือเหตุผลที่อียูสนับสนุนการกลับคืนสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในไทยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ทูตอียูยังกล่าวด้วยว่าหนึ่งในความท้าทายของการจัดเตรียมการเลือกตั้งคือการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพสื่อ เสรีภาพในการชุมนุมและรวมกลุ่มอย่างสงบ รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ของพรรคการเมืองและองค์กรภาคประชาสังคม ซึ่งผลสรุปการประชุมของคณะรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรปเกี่ยวกับประเทศไทย เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา อียูได้เรียกร้องให้ยกเลิกข้อจำกัดเหล่านี้โดยเร็วที่สุด

นายตาปิโอลาย้ำว่าอียูยังเข้าใจว่าเป็นไปได้ที่จะมีการจัดการเลือกตั้งภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ และส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายเคารพต่อโรดแมปการกลับคืนสู่ประชาธิปไตยที่ทางการไทยได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ เพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกคน และยืนยันว่าอียูพร้อมที่จะช่วยเหลือประเทศไทยในความพยายามนี้

ท่าทีดังกล่าวของสหภาพยุโรป สอดคล้องกับจิลเลียน บอนนาร์โดซ์ โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ที่กล่าวกับผู้สื่อข่าววอยซ์ออนไลน์ว่า จุดยืนของสหรัฐฯ ที่มีต่อการเลือกตั้งไทยยังไม่เปลี่ยนแปลง สหรัฐฯ ยังเชื่อมั่นว่าทางรัฐบาลไทยจะจัดให้มีการเลือกตั้งได้ในปลายปีนี้ 

บอนนาร์โดซ์ยังกล่าวด้วยว่าสหรัฐฯยินดีที่รัฐบาลไทยให้คำสัญญากับนานาชาติในการจัดการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นไม่เกินเดือนพฤศจิกายนนี้ และรอคอยให้ไทยกลับมามีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย และกลับเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยและกลับมาเป็นผู้นำในภูมิภาค พร้อมยืนยันว่าหากมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป จะไม่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับไทยที่มีมานานกว่า 200ปี แต่ก็คาดว่ารัฐบาลไทยจะจัดการเลือกตั้งให้ได้ตามที่กล่าวไว้กับนานาชาติ

ทั้งนี้ หลังจากพลเอกประยุทธ์เดินทางเยือนสหรัฐฯเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และมีการออกแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ระบุว่าไทยจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2018 อียูก็ประกาศฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัฐบาลไทยในทุกระดับในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่าทั้งหมดเกิดขึ้นเนื่องจากไทยจะกลับสู่ประชาธิปไตยหลังการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ ขณะที่สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า เมื่อครั้งที่นายมาร์ค ฟิลด์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษและคณะ เดินทางเยือนไทยและพบกับพลเอกประยุทธ์เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ยืนยันต่อหน้านายฟิลด์เช่นกันว่าไทยจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้