พันโท นรุฏฐ์ ทองสอน แพทย์ผู้ชันสูตรศพ จากสถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า กรมแพทย์ทหารบก และ พันเอกการุณย์ สุริยวงศ์พงศา ผู้อำนวยการกองแพทย์โรงเรียนเตรียมทหาร ร่วมกันแถลงข่าวกรณีนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิต หลังนายพิเชษฐ และนางสุกัลยา ตัญกาญจน์ บิดามารดา นำร่างไปชันสูตรและพบว่าอวัยวะภายในหาย และยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิต

โดยพล.ท.ณตฐพล กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งการแถลงข่าวครั้งนี้ไม่ใช่ตอบโต้กระแสข่าวที่เกิดขึ้นแต่เป็นการชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นวันจันทร์ที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ส่งน้องเมยไปที่กองแพทย์ จนถึงวันที่ 17 ต.ค. น้องเมยได้เสียชีวิต

อย่างไรก็ตามกรณีคุณพ่อให้สัมภาษณ์ว่าน้องเมยถูกซ้อมก่อนหน้านี้จนทำให้หัวใจหยุดเต้นไปช่วงหนึ่ง เรื่องนี้ตัวเองไม่ทราบ เพราะเด็กก็กลับมาที่โรงเรียนแล้วและสามารถเรียนได้ วิ่งได้ ทำกิจกรรมอื่นได้ตามปกติ ทั้งนี้ยืนยันว่าการซ่อมหรือการดำรงวินัยไม่ใช่สาเหตุของการเสียชีวิต ซึ่งการดำรงวินัยภายในโรงเรียนเตรียมทหารถือเป็นกิจกรรมที่มีอยู่ทุกวัน ซึ่งน้องเมยก็ได้เข้ากิจกรรมอยู่แล้วไม่ได้เป็นเรื่องผิดแปลกแต่อย่างใด

ขณะที่พล.ต.กนกพงษ์ จันทร์นวล ผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร กล่าวว่า ตัวเองรู้สึกเสียใจตั้งแต่ทราบข่าว และตนได้ตามไปที่โรงพยาบาลเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งหลังจากน้องเมยเสียชีวิตได้คุยกับครอบครัวขณะอยู่ด้วยกันที่โรงพยาบาลว่าเป็นการเสียชีวิตผิดธรรมชาติ จึงต้องทำการชันสูตรเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง ในช่วงกลางดึกของคืนนั้นก็ได้มีการส่งศพไปชันสูตร จากนั้นทางครอบครัวก็รับศพไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา พร้อมทั้งมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตตามกระบวนการของการที่มีนักเรียนเสียชีวิต

ด้านพันโท นรุฏฐ์ ทองสอน แพทย์ผู้ชันสูตรศพ กล่าวว่าจากการตรวจสอบพบว่ากระดูกซี่โครงซี่ที่ 4 ด้านขวาหักและมีรอยช้ำ ซึ่งสันนิษฐานว่าเกิดจากการกระแทกจากของแข็งไม่มีคม แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิต จึงมีความจำเป็นต้องเก็บอวัยวะเพื่อนำไปตรวจทางกล้องจุลทรรศน์เพิ่มเติม ซึ่งจากผลการตรวจสอบพบว่ามีความโน้มเอียงไปในเรื่องของความผิดปกติของหัวใจที่มีเชื่อว่าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต

ทั้งนี้ สาเหตุของหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันสามารถเกิดได้หลายสาเหตุ ในกรณีของน้องเมยนั้นพบว่าจากการส่องกล้องจุลทรรศน์มีความผิดปกติของเซลล์บางตัว ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่พบในกลุ่มวัยประมาณ 19 ปี จึงต้องวินิจฉัยว่าหัวใจอาจจะมีสภาพบางอย่างและสารสื่อประสาทไฟฟ้าในหัวใจส่งผลให้หัวใจเต้นผิดปกติ ขณะที่ชิ้นส่วนกระเพาะปัสสาวะได้มีการนำคืนให้กับทางญาติแล้ว ส่วนสมองและกระเพาะอาหารทางญาติยังไม่ได้มีการมารับกลับคืนไป

ข่าวที่เกียวข้อง

-ผบ.รร.ตท.แจง นตท.เสียชีวิต ยันลงโทษตามระเบียบ ไม่แตะเนื้อต้องตัว

-ครอบครัว นร.เตรียมทหาร จี้แจงลูกชายตายปริศนา-อวัยวะหาย